3G Mobile phone 3G iPod 3G iPhone 3G Wireless 3G Accessories
3G Mobile phone 3G iPod 3G iPhone 3G
20.11.52
วิธีแก้ปัญหา การลง Windows XP สำหรับ COMPAQ Presario CQ40
วิธีแก้ปัญหา การลง Windows XP สำหรับ COMPAQ Presario CQ40
วิธีแก้ปัญหา การลง Windows XP สำหรับ COMPAQ Presario CQ40
หลังจากที่ผมได้ หาวิธีการติดตั้ง Windows XP สำหรับ COMPAQ Presario CQ40 ที่แสนลำบากอยู่พัก หลังจากลงได้ก็เลยคิดว่า เอาบทความมาโพส ในเว็บจะดีกว่า การลง Windows XP สำหรับ COMPAQ Presario CQ40 นั้นถ้าใช้แผ่น Windows ปกติ ไม่ค่อยผ่านนะครับจะไม่สามารถลง Windows ได้เลย ต้องใช้แผ่นปรับแต่งที่มีการ เซตการทำงาน Sata Harddrive ไว้ด้วย ปกติ จะใช้ แผ่นโปรแกรม Nlite ในการสร้างครับ ขั้นตอนการทำแผ่น windows สำหรับ COMPAQ Presario CQ40 โดยใช้ โปรแกรม Nlite มีดังนี้ครับ
โดย cmnotebook.com
Compaq Presario V3000 Notebook PC
Compaq Presario V3000 Notebook PC series ราคา 18,000 บาท พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ ซื้อ Notebook Compaq Presario V3000 กับเราวันนี้แถมฟรี หลักสูตรการสร้างเว็บไซต์ พร้อม โฮสและโดเมน.com มูลค่า กว่า 5,000 บาท ฟรี
รายละเอียดสินค้า
Intel Core Duo Processor 1.6 GHz L2=2M บางรุ่น L2 แค่ 1M ครับ
Mobile Intel(R) 945 GM Express Chipset Family
RAM 512 M DDR2
HDD 80 GB SATA
DVD RW Writer
USB 3 Port ,Lan
Card Reader 5 – 1
Bluetooth
Wireless Lan
จอ Wide Screen 14.1 นิ้ว
อุปกรณ์ สายชาร์จ Adaptor กระเป๋า
สภาพดีมากๆ มีประกันเหลือ
ข้อดี
- สวยมาก เบา และบาง ดูดีกว่า vaio อีก พกพาสะดวก
- แรงและเร็วมาก เหมาะสำหรับดูหนัง ฟังเพลงที่สุด ถึงทำงานตามปกติก็รองรับโปรแกรมมากมายหลายระบบ
- ระบบการทำงานในสื่อ multimedia ไม่ต้องรอบู๊ตเข้าออก สามารถสวิทช์สลับการทำงานได้ทั้งหมด ฟังเพลงอยู่ก็สลับมาดูหนัง หรือสลับกลับมาดูรูปอีกทีก็ได้อย่างรวดเร็ว
- หน้าจอกกว้าง สีสวย คมชัดเจน
HP Pavilion dv3 Series Entertainment Notebook PC อิสรภาพได้อย่างมีสไตล์
HP Pavilion dv3 Series Entertainment Notebook PC อิสรภาพได้อย่างมีสไตล์
HP Pavilion dv3 Series Entertainment Notebook PC
ให้คุณสัมผัสกับอิสรภาพได้อย่างมีสไตล์
- เหมาะที่สุดสำหรับผู้ที่เดินทางบ่อย
ด้วยดีไซน์สวยน้ำหนักเบา
- ลวดลาย HP Imprints ที่มีให้เลือก
สองเฉดสี ดำเอสเพรสโซ่
และขาวนวลจันทร์
- คุณภาพเสียงระดับพรีเมี่ยม
ด้วยระบบเสียง SRS
- ใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก
เพื่อความบันเทิงและประสิทธิภาพ
ในการทำงานอย่างแท้จริง
- High-speed eSATA Interface
ช่วยให้คุณเชื่อมต่อเข้าใช้งาน และ
ถ่ายโอนข้อมูลไปยังฮาร์ดไดร์ฟภายนอก
ได้อย่างง่ายดาย
ความบันเทิงในทุกที่ทุกเวลา
วันนี้คุณสามารถสัมผัสกับโลกอนาคตได้ด้วย HP Pavilion dv3 Entertainment Notebook PC
ด้วยน้ำหนักที่เบา ดีไซน์ HP Imprints สวยโดนใจ และคุณสมบัติเด่นเพียบพร้อมจึงทำให้
โน้ตบุ๊กเครื่องนี้สามารถลงตัวได้อย่างง่ายดายสำหรับตารางงานที่ยุ่งเหยิงและกระเป๋าของคุณ
ให้คุณสามารถชมภาพยนตร์ด้วยจอ diagonal LED widescreen ขนาด 13.3 นิ้วด้วยการแสดงผล
แบบ Widescreen 16:9 หรือไม่ขาดการติดต่อกับผองเพื่อนด้วยกล้อง Webcam ในตัว
dual digital microphone และอีกมากมาย ครั้งแรกที่การทำงานและความบันเทิงนอกสถานที่
จะเป็นเรื่องที่น่าเพลิดเพลินอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
จอ HD Flush Glass ขนาด 13.3 นิ้ว
นอกจากความสวยชนิดหาตัวจับยากแล้วจอ HD Flush Glass Display ขนาด 13.3 นิ้วยังใหญ่เต็มพื้นที่ ความกว้างของโน้ตบุ๊กแบบไร้รอยต่อ คุณจึงสัมผัสกับ ประสบการณ์ในการรับชมที่คมชัดสวยสมจริง
ความบันเทิงครบวงจร
ด้วยความครบครันในหนึ่งเดียวที่ง่ายดาย ในการใช้งานเพียงสัมผัสเดียวคุณจึงสามารถสัมผัสกับความบันเทิงในรูปแบบมัลติมีเดียได้อย่างเต็มที่ด้วยซอฟท์แวร์ HP Media Smart ที่มอบการควบคุมทุกความบันเทิงทั้งเพลง หนังภาพถ่าย และอีกมากมาย
คุ้มครองฮาร์ดดิสก์ด้วย HP ProtectSmart
เทคโนโลยี HP ProtectSmart ในแบบ built-in คือคุณสมบัติเด่นที่จะช่วยหยุดการทำงานของ ฮาร์ดดิสก์อัตโนมัติอย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันการสูญหายของข้อมูลสำคัญในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
คุณจึงมั่นใจได้ในการปกป้องที่น่าเชื่อถือสำหรับข้อมูล และคลังความบันเทิงส่วนตัวของคุณ
แรงบัลดาลใจที่บ่งบอกความเป็นตัวคุณ
ด้วยลวดลายที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากอุตสาหกรรมโลหะเหลว และดีไซน์ Espresso Black imprint ที่ช่วยกระตุ้นพลังในการสร้างสรรค์ในขณะที่ดีไซน์ Moonlight White imprint ด้วยลายเส้น
ที่ลากผ่านพื้นที่โล่งที่เผยให้เห็นถึงความประณีตของการออกแบบ
เปิดมุมมองของคุณให้กว้างขึ้น
มอบประสบการณ์ใหม่ของการใช้งานคอมพิวเตอร์ ให้กับทุกประสาทสัมผัสของคุณด้วยจอภาพแบบ Widescreen ที่แสดงผลในสัดส่วน 16:9 ให้คุณได้เห็นในรายละเอียดที่มากขึ้น หลุดออกนอกกรอบความบันเทิงในแบบเดิมๆ หลงใหลไปกับความคมชัดในแบบ High-Definition โดยไม่ต้องยุ่งยากกับการแปลงใดๆ
ภาพกราฟิกสวยสมจริง
เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติเด่นใหม่ล่าสุดและมอบประสิทธิภาพในการแสดงผลของ Graphic ที่ดีกว่าในรุ่นก่อนๆ ถึงสามเท่าด้วย Intel Graphics Media Accelerator 4500MHD and nVIDIA
GeForce G 105M ที่มาพร้อมหน่วยความจำเฉพาะที่มากถึง 512MB คุณจึงสามารถดื่มด่ำไปกับเกม
และภาพยนตร์ที่สวย คมชัด สมจริง
พกพาสะดวกสบาย
ด้วยน้ำหนักที่เบา พกพาสะดวกของ HP Pavilion dv3 จึงไม่ใช่ปัญหาหากจะต้องนำติดตัวไปด้วยในทุกการเดินทางใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้นของคุณ
Business Online Banking - ธนาคารออนไลน์
Business Online Banking - ธนาคารออนไลน์
การสร้างโอกาสแก่ธุรกิจเอสเอ็มอี ช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจ และส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศให้เข้มแข็งและเติบโตอย่างยั่งยืน ธนาคารกรุงเทพพร้อมสนับสนุนและบริการธุรกิจที่ไร้ขีดจำกัดของเวลา เพิ่มความยืดหยุ่นและความสะดวกให้กับธุรกิจขนาดย่อมของท่านทุกที่ ทุกเวลา Business Online Banking - ธนาคารออนไลน์
business online
business online
Visitor
DBThai is service to provide searching on Thai business information via internet online. DBThai provides searching from the most complete and update registry and financial information of 800,000 businesses in Thailand based on document officially submitted to the Ministry of Commerce and direct investigation to confirm and update information with subject. For new comer, you can register as a free member for free company search and basic identification information. *You can firstly view Term of use and About Privacy that will be more useful for your registration.
DBThai คือ บริการที่เสนอข้อมูลธุรกิจในประเทศไทยออนไลน์ผ่านอินเตอร์เน็ต ซึ่งล้วนเป็นข้อมูลบริษัทจดทะเบียนที่ถูกต้องและทันสมัยเกี่ยวกับด้านการเงินของบริษัทในประเทศไทย 800,000 บริษัท ทั้งนี้ BOL ได้รับสัมปทานข้อมูลจากกรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ซึ่งเป็นบริการค้นหาข้อมูลที่สะดวก ทำให้เข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ท่านสามารถลงทะเบียนเพื่อทดลองใช้ฟรีได้ที่นี่ซึ่งท่านจะทราบถึงข้อมูลทั่วไปและข้อมูลการเงินของบริษัทต่างๆ ตามที่ท่านค้นหา สำหรับผู้ที่ทดลองใช้แล้วหรือผู้ที่สนใจต้องการสมัครสมาชิก DBThai ท่านสามารถสมัครได้ที่นี่ โดยชมข้อมูลเกี่ยวกับข้อตกลงในการใช้บริการและนโยบายในการใช้ข้อมูลของท่านเพื่อเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจก่อนลงทะเบียนสมัครสมาชิก DBThai
business online
Visitor
DBThai is service to provide searching on Thai business information via internet online. DBThai provides searching from the most complete and update registry and financial information of 800,000 businesses in Thailand based on document officially submitted to the Ministry of Commerce and direct investigation to confirm and update information with subject. For new comer, you can register as a free member for free company search and basic identification information. *You can firstly view Term of use and About Privacy that will be more useful for your registration.
DBThai คือ บริการที่เสนอข้อมูลธุรกิจในประเทศไทยออนไลน์ผ่านอินเตอร์เน็ต ซึ่งล้วนเป็นข้อมูลบริษัทจดทะเบียนที่ถูกต้องและทันสมัยเกี่ยวกับด้านการเงินของบริษัทในประเทศไทย 800,000 บริษัท ทั้งนี้ BOL ได้รับสัมปทานข้อมูลจากกรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ซึ่งเป็นบริการค้นหาข้อมูลที่สะดวก ทำให้เข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ท่านสามารถลงทะเบียนเพื่อทดลองใช้ฟรีได้ที่นี่ซึ่งท่านจะทราบถึงข้อมูลทั่วไปและข้อมูลการเงินของบริษัทต่างๆ ตามที่ท่านค้นหา สำหรับผู้ที่ทดลองใช้แล้วหรือผู้ที่สนใจต้องการสมัครสมาชิก DBThai ท่านสามารถสมัครได้ที่นี่ โดยชมข้อมูลเกี่ยวกับข้อตกลงในการใช้บริการและนโยบายในการใช้ข้อมูลของท่านเพื่อเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจก่อนลงทะเบียนสมัครสมาชิก DBThai
business online
online database Download
online database Download
online database Download
Full Text วิจัย
online database Download
ห้องสมุดและหน่วยงานอื่นๆ
online database Download
Download52x
online database Download
Download521
online database Download
Download522
online database Download
Download523
online database Download
Download511
online database Download
Download512
online database Download
Download513
online database Download
Download502
online database Download
Download503
online database Download
Full Text วิจัย
online database Download
ห้องสมุดและหน่วยงานอื่นๆ
online database Download
Download52x
online database Download
Download521
online database Download
Download522
online database Download
Download523
online database Download
Download511
online database Download
Download512
online database Download
Download513
online database Download
Download502
online database Download
Download503
online database ฐานข้อมูลวิจัย
online database ฐานข้อมูลวิจัย
ฐานข้อมูลวิจัย
http://www.nstda.or.th/grants/
ฐานข้อมูลวิจัยของประเทศไทย
http://www.moe.go.th/inspec6/aaa/menu.htm
ฐานข้อมูลวิจัย
http://www.geocities.com/Eureka/Gold/9967/inca.html
ฉันทนา ลาไม้
http://www.dmh.go.th/abstract/
ฐานข้อมูลวิจัยทางจิตและจิตเวช
http://adt.caul.edu.au/
ฐานข้อมูลงานวิจัยของประเทศออสเตรเลีย
http://web.lru.ac.th/~elec/services/research.htm
งานวิจัยด้านวิศวกรรม โปรแกรมวิชาเทคโนโลยีอิเล็คทรอนิคส์
http://www.vet.ku.ac.th/research/research.htm#2
การวิจัยและชันสูตรโรคสัตว์ อันเป็นงานวิจัยของนิสิตคณะสัตวแพทย์
http://www.doiinthanon.com/document/list.php
ฐานข้อมูลงานวิจัย เกี่ยวกับงานข้อมูลทางวิชาการ
http://www.nfi.or.th/Abstract/rd1.asp?
บริการสืบค้นงานฐานข้อมูลงานวิจัยด้านอาหาร
http://tndc.tistr.or.th/main/default.asp
ศูนย์บริการเอกสารงานวิจัยแห่งประเทศไทย
http://www.moe.go.th/wijai/link.html
ระบบสืบค้นงานวิจัย ของหน่วยงานวิจัยต่างๆ
http://www.teenet.chula.ac.th/
เครือข่ายสารสนเทศด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย
ฐานข้อมูลวิจัย
http://www.nstda.or.th/grants/
ฐานข้อมูลวิจัยของประเทศไทย
http://www.moe.go.th/inspec6/aaa/menu.htm
ฐานข้อมูลวิจัย
http://www.geocities.com/Eureka/Gold/9967/inca.html
ฉันทนา ลาไม้
http://www.dmh.go.th/abstract/
ฐานข้อมูลวิจัยทางจิตและจิตเวช
http://adt.caul.edu.au/
ฐานข้อมูลงานวิจัยของประเทศออสเตรเลีย
http://web.lru.ac.th/~elec/services/research.htm
งานวิจัยด้านวิศวกรรม โปรแกรมวิชาเทคโนโลยีอิเล็คทรอนิคส์
http://www.vet.ku.ac.th/research/research.htm#2
การวิจัยและชันสูตรโรคสัตว์ อันเป็นงานวิจัยของนิสิตคณะสัตวแพทย์
http://www.doiinthanon.com/document/list.php
ฐานข้อมูลงานวิจัย เกี่ยวกับงานข้อมูลทางวิชาการ
http://www.nfi.or.th/Abstract/rd1.asp?
บริการสืบค้นงานฐานข้อมูลงานวิจัยด้านอาหาร
http://tndc.tistr.or.th/main/default.asp
ศูนย์บริการเอกสารงานวิจัยแห่งประเทศไทย
http://www.moe.go.th/wijai/link.html
ระบบสืบค้นงานวิจัย ของหน่วยงานวิจัยต่างๆ
http://www.teenet.chula.ac.th/
เครือข่ายสารสนเทศด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย
online database ฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ (บทคัดย่อ)
online database
ฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ (บทคัดย่อ)
ฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ (บทคัดย่อ)
http://www.riclib.nrct.go.th
ห้องสมุดงานวิจัย สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ(วช.)
http://sutlib1.sut.ac.th/thesis/search/thesis.cfm
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
http://www.arc.sru.ac.th/rThesis
มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี
http://graduate.psru.ac.th/thesis/thesis.php
มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลย์สงคราม
online database ฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ (บทคัดย่อ)
ฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ (บทคัดย่อ)
ฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ (บทคัดย่อ)
http://www.riclib.nrct.go.th
ห้องสมุดงานวิจัย สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ(วช.)
http://sutlib1.sut.ac.th/thesis/search/thesis.cfm
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
http://www.arc.sru.ac.th/rThesis
มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี
http://graduate.psru.ac.th/thesis/thesis.php
มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลย์สงคราม
online database ฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ (บทคัดย่อ)
online database ฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ (เนื้อหาเต็ม)
online database
ฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ (เนื้อหาเต็ม)
http://index.dc.thailis.uni.net.th:8000/dcmscentral/
วิทยานิพนธ์ 24 มหาวิทยาลัยของรัฐ
http://www.odi.stou.ac.th/STOUthesis/pagesearchres4.asp
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
http://www.lib.su.ac.th/thesis
มหาวิทยาลัยศิลปากร
http://lib2002.lib.ru.ac.th/iwebsrv/add-in/isearch2/isengine.asp?drw=001
มหาวิทยาลัย รามคำแหง
http://www.clib.psu.ac.th/media/thesis/
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
ฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ (เนื้อหาเต็ม)
http://index.dc.thailis.uni.net.th:8000/dcmscentral/
วิทยานิพนธ์ 24 มหาวิทยาลัยของรัฐ
http://www.odi.stou.ac.th/STOUthesis/pagesearchres4.asp
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
http://www.lib.su.ac.th/thesis
มหาวิทยาลัยศิลปากร
http://lib2002.lib.ru.ac.th/iwebsrv/add-in/isearch2/isengine.asp?drw=001
มหาวิทยาลัย รามคำแหง
http://www.clib.psu.ac.th/media/thesis/
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
Free Online Database
Free Online Database
AGRICOLA
ฐานข้อมูลสาระสังเขปทางด้านการเกษตรของ National Agricola Library รวมทั้งสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง เช่น สาขาสัตวศาสตร์ สัตวแพทยศาสตร์ กีฏวิทยา พืชศาสตร์ ป่าไม้ การประมง ฟาร์ม เศรษฐกิจการเกษตร การส่งเสริมการเกษตร อาหารและโภชนาการ ดินและสิ่งแวดล้อม ครอบคลุมเอกสารสิ่งพิมพ์ทุกประเภท โดยมีข้อมูล ตั้งแต่ปี 1970 - ปัจจุบัน
Ingenta
ฐานข้อมูลเพื่อการสืบค้นและสั่งซื้อบทความวารสารภาษาต่างประเทศ ครอบคลุมวารสารทุกสาขาวิชา ให้ข้อมูลบรรณานุกรมของบทความ หากต้องการเอกสารฉบับเต็มสั่งซื้อได้ที่บรรณารักษ์
MEDLINE (PUBMED)
ฐานข้อมูลบรรณานุกรมพร้อมสาระสังเขป จัดทำโดย U.S. National Library of Medicine (NLM) มีบทความจากวารสารด้านชีวการแพทย์ มากกว่า 3,700 ชื่อ ฐานข้อมูล MEDLINE เป็นการรวม ข้อมูลในเล่ม Index Medicus Index to Dental Literature และ International Nursing ครอบคลุม ข้อมูลปี ค.ศ. 1966 - ปัจจุบัน
AGRICOLA
ฐานข้อมูลสาระสังเขปทางด้านการเกษตรของ National Agricola Library รวมทั้งสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง เช่น สาขาสัตวศาสตร์ สัตวแพทยศาสตร์ กีฏวิทยา พืชศาสตร์ ป่าไม้ การประมง ฟาร์ม เศรษฐกิจการเกษตร การส่งเสริมการเกษตร อาหารและโภชนาการ ดินและสิ่งแวดล้อม ครอบคลุมเอกสารสิ่งพิมพ์ทุกประเภท โดยมีข้อมูล ตั้งแต่ปี 1970 - ปัจจุบัน
Ingenta
ฐานข้อมูลเพื่อการสืบค้นและสั่งซื้อบทความวารสารภาษาต่างประเทศ ครอบคลุมวารสารทุกสาขาวิชา ให้ข้อมูลบรรณานุกรมของบทความ หากต้องการเอกสารฉบับเต็มสั่งซื้อได้ที่บรรณารักษ์
MEDLINE (PUBMED)
ฐานข้อมูลบรรณานุกรมพร้อมสาระสังเขป จัดทำโดย U.S. National Library of Medicine (NLM) มีบทความจากวารสารด้านชีวการแพทย์ มากกว่า 3,700 ชื่อ ฐานข้อมูล MEDLINE เป็นการรวม ข้อมูลในเล่ม Index Medicus Index to Dental Literature และ International Nursing ครอบคลุม ข้อมูลปี ค.ศ. 1966 - ปัจจุบัน
online databaseฐานข้อมูลออนไลน์ที่บอกรับในปัจจุบัน (Online Database)
online databaseฐานข้อมูลออนไลน์ที่บอกรับในปัจจุบัน (Online Database)
ฐานข้อมูลออนไลน์ที่บอกรับในปัจจุบัน (Online Database)
ABI/INFORM
(Since 1 Jun. 2009 - 31 May 2010)
ฐานข้อมูลออนไลน์ที่รวบรวมข้อมูลทางด้านบริหารธุรกิจ ประกอบด้วย ฐานข้อมูลที่สำคัญ ได้แก่ ABI/INFORM Global เป็นฐานข้อมูลที่ให้เนื้อหาครอบคลุมทางด้านบริหารและการจัดการจากวารสารไม่น้อยกว่า 2,900 รายชื่อ , ABI/INFORM Trade & Industry เป็นฐานข้อมูลที่มีเนื้อหาครอบคลุมทางด้านการค้าและอุตสาหกรรม จากวารสารและสิ่งพิมพ์ไม่น้อยกว่า 1,200 รายชื่อ , ABI/INFORM Dateline เป็นฐานข้อมูลที่มีเนื้อหาครอบคลุมทางด้านธุรกิจ โดยรวบรวมจากสิ่งพิมพ์ในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดาจำนวนไม่น้อยกว่า 190 รายชื่อ ในฐานข้อมูล ABI/INFORM มีวิทยานิพนธ์ทางด้านบริหารธุรกิจจำนวนไม่น้อยกว่า 18,000 รายการ ในรูปแบบฉบับเต็ม (Full Text ทั้งเล่ม)
Business Source Premier (BSP)
(Since 1 Oct. 2009 - 30 Sep. 2010)
ฐานข้อมูลออนไลน์เพื่อการวิจัยทางธุรกิจของบริษัท EBSCO ครอบคลุมเนื้อหาทางด้านธุรกิจ การตลาด การบริหารจัดการ ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ การบัญชี การเงิน และเศรษฐศาสตร์ ปีที่ให้บริการตั้งแต่ปี ค.ศ.1965-ปัจจุบัน โดยมีวารสารฉบับเต็มรูปแบบ (Full Text) จำนวน 2,531 รายชื่อ
EconLit (version 1.0)
(Since 1 Oct. 2009 - 30 Sep. 2010)
ฐานข้อมูลออนไลน์ที่รวบรวมข้อมูลทางด้านเศรษฐกิจ การพยากรณ์เศรษฐกิจ ตลาดทุน เศรษฐมิติ เศรษฐศาสตร์สิ่งแวดล้อม เศรษฐศาสตร์แรงงาน ทฤษฎีการเงิน เศรษฐศาสตร์การเมือง และอื่นๆ ปีที่ให้บริการตั้งแต่ปี ค.ศ.1969-ปัจจุบัน โดยมีวารสารฉบับเต็มรูปแบบ (Full Text) มากกว่า 400 รายชื่อ
Hospitality & Tourism Complete
(Since 1 Sep. 2009 - 31 Aug. 2010)
ฐานข้อมูลออนไลน์ที่รวบรวมวารสารต่างประเทศทางด้านอุตสาหกรรมบริการ การท่องเที่ยวและโรงแรม มีข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่ปี ค.ศ.1960-ปัจจุบัน มีเอกสารฉบับเต็มรูปแบบ (Full Text) มากกว่า 200 ชื่อเรื่อง โดยศูนย์สนเทศและหอสมุดบอกรับสารสารฉบับพิมพ์ (ที่มีอยู่ในฐานข้อมูล)
IEEE (The Institute of Electrical and Electronics Engineers)
(Since 1 Nov. 2008 - 31 Dec. 2009)
ฐานข้อมูลออนไลน์ที่รวบรวมบทความวารสารทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ รวบรวมบทความมากกว่า 80,000 บทความ จากวารสารเก่า 12,000 ชื่อเรื่อง ปีที่ให้บริการตั้งแต่ปี ค.ศ.1998-ปัจจุบัน ให้ข้อมูลบรรณานุกรมพร้อมสาระสังเขปและเอกสารฉบับเต็มรูปแบบ (Full Text) ในรูปของ HTML และ PDF (บาง Transaction สามารถใช้บริการได้ที่ งานบริการช่วยค้นคว้าวิจัย ชั้น 2)
IFD Newsclip Online
(Since 1 Aug. 2009 - 31 Jul. 2010)
ฐานข้อมูลกฤตภาคข่าวออนไลน์ โดยเป็นระบบบริการสืบค้นข่าว บทสัมภาษณ์ บทวิเคราะห์ บทวิจารณ์ บทความ รายงานต่างๆ จากหนังสือพิมพ์ภาษาไทยกว่า 20 ฉบับ 25 หมวดข่าวได้แก่ การเมืองในประเทศ เศรษฐกิจ การตลาด ธุรกิจการค้า เกษตรกรรม สาธารณูปโภค คมนาคมการขนส่ง และเทคโนโลยีสารสนเทศ ปีที่ให้บริการตั้งแต่ปี พ.ศ.2545-ปัจจุบัน ให้ข้อมูลบรรณานุกรมและเอกสารฉบับเต็มรูปแบบ (Full Text) ในรูปของภาพข่าว (Image)
Matichon e-Library (ห้องสมุดข่าวออนไลน์)
(Since 1 Jun. 2009 - 31 May 2010)
ฐานข้อมูลกฤตภาคข่าวออนไลน์ โดยเป็นระบบบริการสืบค้นข่าว บทสัมภาษณ์ บทวิเคราะห์ บทวิจารณ์ บทความ รายงานต่างๆ หรือข้อเขียนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับองค์กรภาครัฐและเอกชน รวมทั้งบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ ทุกประเภท ปีที่ให้บริการตั้งแต่ปี พ.ศ.2540-ปัจจุบัน ให้ข้อมูลบรรณานุกรมและเอกสารฉบับเต็มรูปแบบ (Full Text) ในรูปของภาพข่าว (Image)
มติชนสุดสัปดาห์ออนไลน์
(Since 1 Jun. 2009 - 31 May 2010)
เป็นวารสารออนไลน์ของมติชนสุดสัปดาห์ ให้ข้อมูลเอกสารฉบับเต็มรูปแบบ(Full Text)ในรูปของ HTML และ PDF File
NewsCenter (Since 1 Oct. 2009 - 30 Sep. 2010)
ฐานข้อมูลกฤตภาคข่าวออนไลน์ที่มีเนื้อหาหลากหลายจากแหล่งข้อมูลทั้งในและต่างประเทศกว่า 100 แหล่ง สามารถ สืบค้นข้อมูลทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษย้อนหลังได้กว่า 10 ปี สามารถนำข้อมูลไปใช้งานต่อได้ง่ายดาย ได้แก่ สั่งพิมพ์ บันทึกลงไฟล์ คัดลอก ตลอดจนนำข้อมูลออกไปสู่ Microsoft Word และMicrosoft Excel รวมถึงมีระบบเตือนอัตโนมัติเมื่อมีข้อมูลล่าสุดที่อยู่ในความสนใจเข้าสู่ฐานข้อมูล (สามารถใช้บริการได้ที่ งานบริการช่วยค้นคว้าวิจัย ชั้น 2)
ProQuest Dissertations & Theses
(Since 1 Nov. 2008 - 31 Oct. 2009)
เป็นฐานข้อมูลออนไลน์ ที่รวบรวมวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกและปริญญาโทของสหรัฐอเมริกา ครอบคลุมทุกสาขาวิชา มีสาระสังเขปวิทยานิพนธ์ไม่น้อยกว่า 2.4 ล้าน รายการ มี Preview ของวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกและปริญญาโท ตั้งแต่ปี 1997 ถึงปัจจุบัน รายการละ 24 หน้า มีการเพิ่มสาระสังเขปวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกและปริญญาโทอย่างน้อย 60,000 รายการต่อปี การแสดงผลกรณีที่เป็นสาระสังเขปแสดงผลในรูป Text HTML และ Preview แสดงผลในรูป PDF File
Thai University eBook Net
ฐานข้อมูลหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เป็นการอ่านหนังสือผ่านทางอินเทอร์เน็ตโดยศูนย์สนเทศและหอสมุดได้บอกรับ ebook ผ่านทางภาคีห้องสมุดจึงสามารถอ่านหนังสือจากการรวมกลุ่มภาคีห้องสมุดได้ประมาณ 3,634 ebooks และสามารถเข้าอ่านหนังสือเพิ่มเติมได้จาก OCLC ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรของห้องสมุดสถาบันการศึกษา ในสหรัฐอเมริกาอีกประมาณ 3,460 ebooks เช่น หนังสืออ้างอิง หนังสือวิชาการทุกสาขาวิชา วรรณคดี และนวนิยาย
Thai Academic eBooks
ฐานข้อมูลที่ให้บริการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (eBook) ภาษาไทย เป็นการอ่านหนังสือภาษาไทยผ่านทางอินเทอร์เน็ต สามารถเข้าใช้งานผ่านห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ของศูนย์สนเทศและหอสมุด มี 7 หมวดหนังสือ ได้แก่ การศึกษา ภาษาศาสตร์และวรรณคดี , กีฬา ท่องเที่ยว สุขภาพและอาหาร , ธุรกิจ เศรษฐศาสตร์และการจัดการ , นวนิยาย อ่านเล่นและนิทาน , ประวัติศาสตร์และอัตชีวประวัติ , เทคโนโลยี วิศวกรรมอุตสาหกรรม
DigitalLibrary, Joint Research Projects eContent : Collection 5 (DL-05)
ในฐานข้อมูลนี้มีหนังสืออิเล็กทรอนิกส์วิชาการภาษาอังกฤษ จำนวน 1,568 ชื่อ ครอบคลุม 17 สาขาวิชา โดยใช้ร่วมกับข่ายความร่วมมือ Thai University eBook Net
WARC
(Since 1 Mar. 2009 - 28 Feb. 2010)
เป็นแหล่งข้อมูลด้านการสื่อสารการตลาด กลยุทธ์การตลาด การวางแผนการใช้สื่อ วีธีการวิจัยตลาด รวมทั้งเอกสารการวิจัย สัมมนา ข่าวประจำวัน ข้อมูลด้านการสถิติ การคำนวณงบประมาณการใช้สื่อ และกรณีศึกษาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และมีแหล่งข้อมูลสนับสนุนมากกว่า 30 แหล่ง มีข้อเขียนมากกว่า 25,000 ข้อเขียน สืบค้นข้อมูลได้ง่าย สะดวก และรวดเร็ว และมีความทันสมัย ทั้งนี้มีข้อมูล ตั้งแต่ปี 1989 ถึงปัจจุบัน
Westlaw International
(Since 1 Jul. 2009 - 30 Jun. 2010)
ฐานข้อมูลออนไลน์ที่ให้บริการสารสนเทศทางด้านกฎหมายนานาชาติ โดยมีวารสารและสิ่งพิมพ์ต่อเนื่อง ด้านกฎหมายประมาณ 1,200 ชื่อเรื่อง ให้ข้อมูลเอกสารทางกฎหมายของประเทศสหรัฐอเมริกาอย่าง ครบถ้วน อีกทั้งครอบคลุมกลุ่มประเทศในเครือจักรภพบางประเทศ กลุ่มประเทศยุโรป และประเทศอื่นๆ ปีที่ให้บริการตั้งแต่ปี ค.ศ.1970-ปัจจุบัน ให้ข้อมูลเอกสารฉบับเต็มรูปแบบ (Full Text) ในรูปของ HTML
Cognition and Instruction
(Since 1 Jan. 2009 - 31 Dec. 2010)
ศูนย์สนเทศและหอสมุด บอกรับวารสารฉบับพิมพ์ชื่อ “Cognition and Instruction” และในขณะ เดียวกันก็ให้บริการในรูปของวารสารอิเล็กทรอนิกส์ (E-Journal) สามารถสืบค้นและอ่านวารสารอิเล็กทรอนิกส ์ฉบับย้อนหลังตั้งแต่ปี ค.ศ.1984-ปัจจุบัน ให้ข้อมูลบรรณานุกรมพร้อมสาระสังเขปและเอกสารฉบับเต็มรูปแบบ (Full Text) ในรูปของ PDF ผู้ใช้บริการเข้าใช้ผ่านเว็บไซต์ http://www.leaonline.com โดยติดต่อขอรับ User Name และ Password ได้ที่งานบริการช่วยค้นคว้าวิจัย ชั้น 2
Regional Business News
ให้ข้อมูลเกี่ยวกับข่าวธุรกิจในภูมิภาค ฐานข้อมูลที่ไม่ได้บอกรับ ใช้สำหรับค้นคว้าอ้างอิง
ฐานข้อมูลออนไลน์ทดลองใช้
ITOC (Online Document Delivery System)
ฐานข้อมูลวารสารวิชาการซึ่งรวบรวมบทความวารสารที่สั่งซื้อจากฐานข้อมูล ITOC ซึ่งสามารถสืบค้น ได้ทั้งชื่อวารสาร ชื่อบทความ แหล่งที่มา และชื่อผู้แต่ง
Emeral ManagementXtra 175
ฐานข้อมูลออนไลน์ที่บอกรับในปัจจุบัน (Online Database)
ABI/INFORM
(Since 1 Jun. 2009 - 31 May 2010)
ฐานข้อมูลออนไลน์ที่รวบรวมข้อมูลทางด้านบริหารธุรกิจ ประกอบด้วย ฐานข้อมูลที่สำคัญ ได้แก่ ABI/INFORM Global เป็นฐานข้อมูลที่ให้เนื้อหาครอบคลุมทางด้านบริหารและการจัดการจากวารสารไม่น้อยกว่า 2,900 รายชื่อ , ABI/INFORM Trade & Industry เป็นฐานข้อมูลที่มีเนื้อหาครอบคลุมทางด้านการค้าและอุตสาหกรรม จากวารสารและสิ่งพิมพ์ไม่น้อยกว่า 1,200 รายชื่อ , ABI/INFORM Dateline เป็นฐานข้อมูลที่มีเนื้อหาครอบคลุมทางด้านธุรกิจ โดยรวบรวมจากสิ่งพิมพ์ในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดาจำนวนไม่น้อยกว่า 190 รายชื่อ ในฐานข้อมูล ABI/INFORM มีวิทยานิพนธ์ทางด้านบริหารธุรกิจจำนวนไม่น้อยกว่า 18,000 รายการ ในรูปแบบฉบับเต็ม (Full Text ทั้งเล่ม)
Business Source Premier (BSP)
(Since 1 Oct. 2009 - 30 Sep. 2010)
ฐานข้อมูลออนไลน์เพื่อการวิจัยทางธุรกิจของบริษัท EBSCO ครอบคลุมเนื้อหาทางด้านธุรกิจ การตลาด การบริหารจัดการ ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ การบัญชี การเงิน และเศรษฐศาสตร์ ปีที่ให้บริการตั้งแต่ปี ค.ศ.1965-ปัจจุบัน โดยมีวารสารฉบับเต็มรูปแบบ (Full Text) จำนวน 2,531 รายชื่อ
EconLit (version 1.0)
(Since 1 Oct. 2009 - 30 Sep. 2010)
ฐานข้อมูลออนไลน์ที่รวบรวมข้อมูลทางด้านเศรษฐกิจ การพยากรณ์เศรษฐกิจ ตลาดทุน เศรษฐมิติ เศรษฐศาสตร์สิ่งแวดล้อม เศรษฐศาสตร์แรงงาน ทฤษฎีการเงิน เศรษฐศาสตร์การเมือง และอื่นๆ ปีที่ให้บริการตั้งแต่ปี ค.ศ.1969-ปัจจุบัน โดยมีวารสารฉบับเต็มรูปแบบ (Full Text) มากกว่า 400 รายชื่อ
Hospitality & Tourism Complete
(Since 1 Sep. 2009 - 31 Aug. 2010)
ฐานข้อมูลออนไลน์ที่รวบรวมวารสารต่างประเทศทางด้านอุตสาหกรรมบริการ การท่องเที่ยวและโรงแรม มีข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่ปี ค.ศ.1960-ปัจจุบัน มีเอกสารฉบับเต็มรูปแบบ (Full Text) มากกว่า 200 ชื่อเรื่อง โดยศูนย์สนเทศและหอสมุดบอกรับสารสารฉบับพิมพ์ (ที่มีอยู่ในฐานข้อมูล)
IEEE (The Institute of Electrical and Electronics Engineers)
(Since 1 Nov. 2008 - 31 Dec. 2009)
ฐานข้อมูลออนไลน์ที่รวบรวมบทความวารสารทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ รวบรวมบทความมากกว่า 80,000 บทความ จากวารสารเก่า 12,000 ชื่อเรื่อง ปีที่ให้บริการตั้งแต่ปี ค.ศ.1998-ปัจจุบัน ให้ข้อมูลบรรณานุกรมพร้อมสาระสังเขปและเอกสารฉบับเต็มรูปแบบ (Full Text) ในรูปของ HTML และ PDF (บาง Transaction สามารถใช้บริการได้ที่ งานบริการช่วยค้นคว้าวิจัย ชั้น 2)
IFD Newsclip Online
(Since 1 Aug. 2009 - 31 Jul. 2010)
ฐานข้อมูลกฤตภาคข่าวออนไลน์ โดยเป็นระบบบริการสืบค้นข่าว บทสัมภาษณ์ บทวิเคราะห์ บทวิจารณ์ บทความ รายงานต่างๆ จากหนังสือพิมพ์ภาษาไทยกว่า 20 ฉบับ 25 หมวดข่าวได้แก่ การเมืองในประเทศ เศรษฐกิจ การตลาด ธุรกิจการค้า เกษตรกรรม สาธารณูปโภค คมนาคมการขนส่ง และเทคโนโลยีสารสนเทศ ปีที่ให้บริการตั้งแต่ปี พ.ศ.2545-ปัจจุบัน ให้ข้อมูลบรรณานุกรมและเอกสารฉบับเต็มรูปแบบ (Full Text) ในรูปของภาพข่าว (Image)
Matichon e-Library (ห้องสมุดข่าวออนไลน์)
(Since 1 Jun. 2009 - 31 May 2010)
ฐานข้อมูลกฤตภาคข่าวออนไลน์ โดยเป็นระบบบริการสืบค้นข่าว บทสัมภาษณ์ บทวิเคราะห์ บทวิจารณ์ บทความ รายงานต่างๆ หรือข้อเขียนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับองค์กรภาครัฐและเอกชน รวมทั้งบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ ทุกประเภท ปีที่ให้บริการตั้งแต่ปี พ.ศ.2540-ปัจจุบัน ให้ข้อมูลบรรณานุกรมและเอกสารฉบับเต็มรูปแบบ (Full Text) ในรูปของภาพข่าว (Image)
มติชนสุดสัปดาห์ออนไลน์
(Since 1 Jun. 2009 - 31 May 2010)
เป็นวารสารออนไลน์ของมติชนสุดสัปดาห์ ให้ข้อมูลเอกสารฉบับเต็มรูปแบบ(Full Text)ในรูปของ HTML และ PDF File
NewsCenter (Since 1 Oct. 2009 - 30 Sep. 2010)
ฐานข้อมูลกฤตภาคข่าวออนไลน์ที่มีเนื้อหาหลากหลายจากแหล่งข้อมูลทั้งในและต่างประเทศกว่า 100 แหล่ง สามารถ สืบค้นข้อมูลทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษย้อนหลังได้กว่า 10 ปี สามารถนำข้อมูลไปใช้งานต่อได้ง่ายดาย ได้แก่ สั่งพิมพ์ บันทึกลงไฟล์ คัดลอก ตลอดจนนำข้อมูลออกไปสู่ Microsoft Word และMicrosoft Excel รวมถึงมีระบบเตือนอัตโนมัติเมื่อมีข้อมูลล่าสุดที่อยู่ในความสนใจเข้าสู่ฐานข้อมูล (สามารถใช้บริการได้ที่ งานบริการช่วยค้นคว้าวิจัย ชั้น 2)
ProQuest Dissertations & Theses
(Since 1 Nov. 2008 - 31 Oct. 2009)
เป็นฐานข้อมูลออนไลน์ ที่รวบรวมวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกและปริญญาโทของสหรัฐอเมริกา ครอบคลุมทุกสาขาวิชา มีสาระสังเขปวิทยานิพนธ์ไม่น้อยกว่า 2.4 ล้าน รายการ มี Preview ของวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกและปริญญาโท ตั้งแต่ปี 1997 ถึงปัจจุบัน รายการละ 24 หน้า มีการเพิ่มสาระสังเขปวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกและปริญญาโทอย่างน้อย 60,000 รายการต่อปี การแสดงผลกรณีที่เป็นสาระสังเขปแสดงผลในรูป Text HTML และ Preview แสดงผลในรูป PDF File
Thai University eBook Net
ฐานข้อมูลหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เป็นการอ่านหนังสือผ่านทางอินเทอร์เน็ตโดยศูนย์สนเทศและหอสมุดได้บอกรับ ebook ผ่านทางภาคีห้องสมุดจึงสามารถอ่านหนังสือจากการรวมกลุ่มภาคีห้องสมุดได้ประมาณ 3,634 ebooks และสามารถเข้าอ่านหนังสือเพิ่มเติมได้จาก OCLC ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรของห้องสมุดสถาบันการศึกษา ในสหรัฐอเมริกาอีกประมาณ 3,460 ebooks เช่น หนังสืออ้างอิง หนังสือวิชาการทุกสาขาวิชา วรรณคดี และนวนิยาย
Thai Academic eBooks
ฐานข้อมูลที่ให้บริการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (eBook) ภาษาไทย เป็นการอ่านหนังสือภาษาไทยผ่านทางอินเทอร์เน็ต สามารถเข้าใช้งานผ่านห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ของศูนย์สนเทศและหอสมุด มี 7 หมวดหนังสือ ได้แก่ การศึกษา ภาษาศาสตร์และวรรณคดี , กีฬา ท่องเที่ยว สุขภาพและอาหาร , ธุรกิจ เศรษฐศาสตร์และการจัดการ , นวนิยาย อ่านเล่นและนิทาน , ประวัติศาสตร์และอัตชีวประวัติ , เทคโนโลยี วิศวกรรมอุตสาหกรรม
DigitalLibrary, Joint Research Projects eContent : Collection 5 (DL-05)
ในฐานข้อมูลนี้มีหนังสืออิเล็กทรอนิกส์วิชาการภาษาอังกฤษ จำนวน 1,568 ชื่อ ครอบคลุม 17 สาขาวิชา โดยใช้ร่วมกับข่ายความร่วมมือ Thai University eBook Net
WARC
(Since 1 Mar. 2009 - 28 Feb. 2010)
เป็นแหล่งข้อมูลด้านการสื่อสารการตลาด กลยุทธ์การตลาด การวางแผนการใช้สื่อ วีธีการวิจัยตลาด รวมทั้งเอกสารการวิจัย สัมมนา ข่าวประจำวัน ข้อมูลด้านการสถิติ การคำนวณงบประมาณการใช้สื่อ และกรณีศึกษาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และมีแหล่งข้อมูลสนับสนุนมากกว่า 30 แหล่ง มีข้อเขียนมากกว่า 25,000 ข้อเขียน สืบค้นข้อมูลได้ง่าย สะดวก และรวดเร็ว และมีความทันสมัย ทั้งนี้มีข้อมูล ตั้งแต่ปี 1989 ถึงปัจจุบัน
Westlaw International
(Since 1 Jul. 2009 - 30 Jun. 2010)
ฐานข้อมูลออนไลน์ที่ให้บริการสารสนเทศทางด้านกฎหมายนานาชาติ โดยมีวารสารและสิ่งพิมพ์ต่อเนื่อง ด้านกฎหมายประมาณ 1,200 ชื่อเรื่อง ให้ข้อมูลเอกสารทางกฎหมายของประเทศสหรัฐอเมริกาอย่าง ครบถ้วน อีกทั้งครอบคลุมกลุ่มประเทศในเครือจักรภพบางประเทศ กลุ่มประเทศยุโรป และประเทศอื่นๆ ปีที่ให้บริการตั้งแต่ปี ค.ศ.1970-ปัจจุบัน ให้ข้อมูลเอกสารฉบับเต็มรูปแบบ (Full Text) ในรูปของ HTML
Cognition and Instruction
(Since 1 Jan. 2009 - 31 Dec. 2010)
ศูนย์สนเทศและหอสมุด บอกรับวารสารฉบับพิมพ์ชื่อ “Cognition and Instruction” และในขณะ เดียวกันก็ให้บริการในรูปของวารสารอิเล็กทรอนิกส์ (E-Journal) สามารถสืบค้นและอ่านวารสารอิเล็กทรอนิกส ์ฉบับย้อนหลังตั้งแต่ปี ค.ศ.1984-ปัจจุบัน ให้ข้อมูลบรรณานุกรมพร้อมสาระสังเขปและเอกสารฉบับเต็มรูปแบบ (Full Text) ในรูปของ PDF ผู้ใช้บริการเข้าใช้ผ่านเว็บไซต์ http://www.leaonline.com โดยติดต่อขอรับ User Name และ Password ได้ที่งานบริการช่วยค้นคว้าวิจัย ชั้น 2
Regional Business News
ให้ข้อมูลเกี่ยวกับข่าวธุรกิจในภูมิภาค ฐานข้อมูลที่ไม่ได้บอกรับ ใช้สำหรับค้นคว้าอ้างอิง
ฐานข้อมูลออนไลน์ทดลองใช้
ITOC (Online Document Delivery System)
ฐานข้อมูลวารสารวิชาการซึ่งรวบรวมบทความวารสารที่สั่งซื้อจากฐานข้อมูล ITOC ซึ่งสามารถสืบค้น ได้ทั้งชื่อวารสาร ชื่อบทความ แหล่งที่มา และชื่อผู้แต่ง
Emeral ManagementXtra 175
“บอร์ดกสท”ยื้อแปรสสัมปทาน เดินหน้าหาพันธมิตรประมูล3จี 3 g phones
“บอร์ดกสท”ยื้อแปรสสัมปทาน เดินหน้าหาพันธมิตรประมูล3จี 3 g phones
บอร์ด กสท” ยื้อสรุปแผนแปรสัญญาสัมปทาน กับแนวทางแก้ไขข้อพิพาทกับ “ดีแทค-ทรูมูฟ” อ้างครม.ให้เวลาน้อยไป พร้อมอนุมัติให้ดึงพันธมิตรต่างชาติชิงประมูลใบอนุญาต 3 จีจาก กทช. ขณะที่บริษัทไอทียักษ์ใหญ่ของอเมริกา ลงทุนไทยผลิตอุปกรณ์รองรับการเปิดให้บริการ3จีในปีหน้า
นายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตามที่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจ มีมติให้ กสท และบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) สรุปแนวทางการแปรสัญญาสัมปทาน และสรุปแนวทางการแก้ข้อพิพาทกับภาคเอกชน ให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์เพื่อเสนอ ครม.อีกครั้งนั้น ไม่สามารถดำเนินการได้ทันเวลาอย่างแน่นอน เนื่องจากข้อพิพาททั้งหมดอยู่ระหว่างการพิจารณาของอนุญาโตตุลาการ
นอกจากนี้ยังมีกระบวนการตีความแก้ไขสัญญาเพิ่มเติมของบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค และบริษัท ทรูมูฟ จำกัด ของคณะกรรมการตามมาตรา 13 และมาตรา 22 พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมการงาน หรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ) ต้องพิจารณาในหลายประเด็น ประกอบด้วยมีตัวแทนจากหลายหน่วยงาน ดังนั้นการตัดสินใจไม่ได้อยู่ที่กสท ฝ่ายเดียว
นายจิรายุทธ ยังกล่าวถึงการเปิดให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ3จี ด้วยว่า ขณะนี้คณะกรรมการ(บอร์ด) กสท ยังเห็นชอบในแนวทางให้ กสท เร่งหาพันธมิตรร่วมทุนจากต่างประเทศเพื่อเข้าร่วมประมูลขอใบอนุญาต(ไลเซ่นส์) 3 จี จาก คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ (กทช.) โดยเร็ว หรือนับจากที่บอร์ด ได้เห็นชอบแนวทางดังกล่าวแล้ว
ขณะที่ บริษัท พาวเวอร์เวฟ เทคโนโลยี จำกัด หรือ PWAV บริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของอเมริกา เตรียมลงทุนผลิตอุปกรณ์3จี รองรับการเปิดให้บริการ3จีในปีหน้า
นายรอนัล บุชเชอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พาวเวอร์เวฟ เทคโนโลยี จำกัด หรือ PWAV กล่าวว่า บริษัท มีนโยบายเพื่อขยายการเติบโตของบริษัทที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจึงลงทุนเปิดโรงงานที่ นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง โดยใช้งบลงทุนกว่า 200 ล้านบาท ในการก่อสร้างโรงงานและลงทุนวัตถุดิบ พื้นที่รวมทั้งหมด 12,500 ตรม. แบ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการ 7,100 ตรม. ส่วนของออฟฟิศ 3,000 ตรม. และพื้นที่เก็บสินค้า 1,800 ตรม. เพื่อผลิตอุปกรณ์วิทยุไร้สาย สำหรับใช้ในการติดต่อสื่อสารแบบไร้สาย “wireless network” แบบครบวงจร ซึ่งโรงงานในเมืองไทยมีการรผลิตระบบเสาแอนแทนนา(Antenna Systems) กลุ่มระบบของสถานีส่งสัญญาณ(Base Station Systems) กลุ่มเสากระจายสัญญาณ(Coverage Systems)
ทั้งนี้เป็นการผลิตเพื่อส่งออกไปยังยุโรปประมาณร้อยละ 99 ซึ่งมีกว่า 675 บริษัททั่วโลกที่เป็นลูกค้าของบริษัท และที่เหลืออีกร้อยละ 1 ผลิตเพื่อส่งให้กับ บริษัทโทเทิ่ลแอ็คเซ็สคอมมูนิเคชั่นหรือ ดีแทค บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส หรือ เอไอเอส และ ทรูมูฟ ที่เป็นลูกค้าหลักที่อยู่ในประเทศไทย ขณะนี้บริษัทมีกำลังการผลิตที่ร้อยละ 50 และคาดว่าในอนาคตจะมีกำลังการผลิตที่เต็ม 100 ซึ่งปัจจุบันมีพนักงานกว่า 300 คน และในปีหน้าจะมีพนักงานมากกว่า 500 คน
อย่างไรก็ตาม การเข้ามาขยายฐานการลงทุนในประเทศไทยนั้นมองว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการลงทุน ซึ่งมีวัตถุดิบที่มีศักยภาพเพื่อส่งให้กับบริษัทในการผลิตโปรดักส์ได้ อีกทั้งรัฐบาลไทยยังให้การสนับสนุนและให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีในด้านการสื่อสาร เนื่องจากอุตสาหกรรมโทรคมนาคมจะมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น เพราะประเทศไทยกำลังเตรียมแผนขยายการลงทุนโทรศัพท์เคลื่อนที่จากระบบ 2G เข้าสู่เทคโนโลยี 3G ซึ่งทางบริษัทพาวเวอร์เวฟเองก็เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการสื่อสารแบบใหม่ 4G เช่นกัน
สำหรับบริษัทพาวเวอร์เวฟมีการตั้งโรงงานผลิตอุปกรณ์การสื่อสารมีโรงงาน 20 แห่ง ใน 14 ประเทศทั่วโลก ซึ่งในแถบเอเชียมีประเทศจีน ที่บริษัทเข้าไปตั้งฐานการผลิตเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ปัจจุบันมีพนักงานกว่า 1,500 คน และมีรายได้เพิ่มขึ้นทุกปี หลังจากนั้นเข้าไปขยายฐานกำลังการผลิตที่ประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นการโรงงานที่เล็กกว่าประเทศจีน หลังจากประสบความสำเร็จใน 2 ประเทศนี้จึงเข้ามาลงทุนขยายกำลังการผลิตในประเทศไทย
ที่มา : แนวหน้า วันที่ 9 พฤศจิกายน 2552 หน้า 10
“บอร์ดกสท”ยื้อแปรสสัมปทาน เดินหน้าหาพันธมิตรประมูล3จี 3 g phones
บอร์ด กสท” ยื้อสรุปแผนแปรสัญญาสัมปทาน กับแนวทางแก้ไขข้อพิพาทกับ “ดีแทค-ทรูมูฟ” อ้างครม.ให้เวลาน้อยไป พร้อมอนุมัติให้ดึงพันธมิตรต่างชาติชิงประมูลใบอนุญาต 3 จีจาก กทช. ขณะที่บริษัทไอทียักษ์ใหญ่ของอเมริกา ลงทุนไทยผลิตอุปกรณ์รองรับการเปิดให้บริการ3จีในปีหน้า
นายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตามที่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจ มีมติให้ กสท และบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) สรุปแนวทางการแปรสัญญาสัมปทาน และสรุปแนวทางการแก้ข้อพิพาทกับภาคเอกชน ให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์เพื่อเสนอ ครม.อีกครั้งนั้น ไม่สามารถดำเนินการได้ทันเวลาอย่างแน่นอน เนื่องจากข้อพิพาททั้งหมดอยู่ระหว่างการพิจารณาของอนุญาโตตุลาการ
นอกจากนี้ยังมีกระบวนการตีความแก้ไขสัญญาเพิ่มเติมของบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค และบริษัท ทรูมูฟ จำกัด ของคณะกรรมการตามมาตรา 13 และมาตรา 22 พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมการงาน หรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ) ต้องพิจารณาในหลายประเด็น ประกอบด้วยมีตัวแทนจากหลายหน่วยงาน ดังนั้นการตัดสินใจไม่ได้อยู่ที่กสท ฝ่ายเดียว
นายจิรายุทธ ยังกล่าวถึงการเปิดให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ3จี ด้วยว่า ขณะนี้คณะกรรมการ(บอร์ด) กสท ยังเห็นชอบในแนวทางให้ กสท เร่งหาพันธมิตรร่วมทุนจากต่างประเทศเพื่อเข้าร่วมประมูลขอใบอนุญาต(ไลเซ่นส์) 3 จี จาก คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ (กทช.) โดยเร็ว หรือนับจากที่บอร์ด ได้เห็นชอบแนวทางดังกล่าวแล้ว
ขณะที่ บริษัท พาวเวอร์เวฟ เทคโนโลยี จำกัด หรือ PWAV บริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของอเมริกา เตรียมลงทุนผลิตอุปกรณ์3จี รองรับการเปิดให้บริการ3จีในปีหน้า
นายรอนัล บุชเชอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พาวเวอร์เวฟ เทคโนโลยี จำกัด หรือ PWAV กล่าวว่า บริษัท มีนโยบายเพื่อขยายการเติบโตของบริษัทที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจึงลงทุนเปิดโรงงานที่ นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง โดยใช้งบลงทุนกว่า 200 ล้านบาท ในการก่อสร้างโรงงานและลงทุนวัตถุดิบ พื้นที่รวมทั้งหมด 12,500 ตรม. แบ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการ 7,100 ตรม. ส่วนของออฟฟิศ 3,000 ตรม. และพื้นที่เก็บสินค้า 1,800 ตรม. เพื่อผลิตอุปกรณ์วิทยุไร้สาย สำหรับใช้ในการติดต่อสื่อสารแบบไร้สาย “wireless network” แบบครบวงจร ซึ่งโรงงานในเมืองไทยมีการรผลิตระบบเสาแอนแทนนา(Antenna Systems) กลุ่มระบบของสถานีส่งสัญญาณ(Base Station Systems) กลุ่มเสากระจายสัญญาณ(Coverage Systems)
ทั้งนี้เป็นการผลิตเพื่อส่งออกไปยังยุโรปประมาณร้อยละ 99 ซึ่งมีกว่า 675 บริษัททั่วโลกที่เป็นลูกค้าของบริษัท และที่เหลืออีกร้อยละ 1 ผลิตเพื่อส่งให้กับ บริษัทโทเทิ่ลแอ็คเซ็สคอมมูนิเคชั่นหรือ ดีแทค บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส หรือ เอไอเอส และ ทรูมูฟ ที่เป็นลูกค้าหลักที่อยู่ในประเทศไทย ขณะนี้บริษัทมีกำลังการผลิตที่ร้อยละ 50 และคาดว่าในอนาคตจะมีกำลังการผลิตที่เต็ม 100 ซึ่งปัจจุบันมีพนักงานกว่า 300 คน และในปีหน้าจะมีพนักงานมากกว่า 500 คน
อย่างไรก็ตาม การเข้ามาขยายฐานการลงทุนในประเทศไทยนั้นมองว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการลงทุน ซึ่งมีวัตถุดิบที่มีศักยภาพเพื่อส่งให้กับบริษัทในการผลิตโปรดักส์ได้ อีกทั้งรัฐบาลไทยยังให้การสนับสนุนและให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีในด้านการสื่อสาร เนื่องจากอุตสาหกรรมโทรคมนาคมจะมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น เพราะประเทศไทยกำลังเตรียมแผนขยายการลงทุนโทรศัพท์เคลื่อนที่จากระบบ 2G เข้าสู่เทคโนโลยี 3G ซึ่งทางบริษัทพาวเวอร์เวฟเองก็เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการสื่อสารแบบใหม่ 4G เช่นกัน
สำหรับบริษัทพาวเวอร์เวฟมีการตั้งโรงงานผลิตอุปกรณ์การสื่อสารมีโรงงาน 20 แห่ง ใน 14 ประเทศทั่วโลก ซึ่งในแถบเอเชียมีประเทศจีน ที่บริษัทเข้าไปตั้งฐานการผลิตเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ปัจจุบันมีพนักงานกว่า 1,500 คน และมีรายได้เพิ่มขึ้นทุกปี หลังจากนั้นเข้าไปขยายฐานกำลังการผลิตที่ประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นการโรงงานที่เล็กกว่าประเทศจีน หลังจากประสบความสำเร็จใน 2 ประเทศนี้จึงเข้ามาลงทุนขยายกำลังการผลิตในประเทศไทย
ที่มา : แนวหน้า วันที่ 9 พฤศจิกายน 2552 หน้า 10
“บอร์ดกสท”ยื้อแปรสสัมปทาน เดินหน้าหาพันธมิตรประมูล3จี 3 g phones
ผ่าทางตันฮัลโหล 3 g phones (update)
ผ่าทางตันฮัลโหล 3 g phones (update)
เรื่องที่ คุณศุภชัย เจียรวนนท์ ผู้บริหารทรู คอร์ปอเรชั่นออกโรงกระทุ้งให้รัฐ และ กทช. ร่วมกันกอบกู้ชาติตีกันไม่ให้คลื่น 3 จี ต้องตกไปอยู่ในมือทุนต่างชาติ (แถมเป็นรัฐวิสาหกิจต่างชาติ) ที่เข้ามาครอบงำกิจการโทรคมนาคมไทย แถมยังปลุกเลือดรักชาติยอมไม่ได้หากฮัลโหล 3 จี จะตกไปอยู่ในมือต่างชาติ เพราะเป็นเรื่องของความมั่นคง ว่าเข้าไปนั่น
เพียงแต่สะกิดใจอยู่หน่อยก็ถ้า 3 จี ยอมเข้าไม่ได้แล้ว ได้ที่เป็นอยู่เวลานี้ทั้ง 2 จี หรือที่อัพเกรดเป็น 3 จี ผ่านอุปกรณ์ HSPA อะไรนั่น ยอมกันไปได้ยังไง ใช้กันมาเป็นปีเป็นชาติแล้วไม่รู้สึกอะไรเลยหรือพี่น้องเอ๋ย!!
ส่วนเรื่องค่าต๋ง 3 จี ใหม่ที่ว่าไม่ควรยึดผลประโยชน์สูงสุดเป็นเกณฑ์อะไรนั้น ผมเองเห็นด้วยกับคุณศุภชัย และท่านนายก “มาร์ค” ที่เคยไปมอบนโยบายให้ กทช. ก่อนหน้านี้ครับ เพราะในอดีตเราได้เป็นความล้มเหลวการประมูลสัมปทานที่ยึดเอาแต่ค่าต๋งสูงสุดเป็นเกณฑ์กันมามากแล้ว อย่างสัมปทานของ ทริปเปิ้ล ทรีนั่นครับ
เรื่องนี้พลเอกชูชาติ พรหมพระสิทธิ์ประธาน กทช. เองยอมรับว่า กทช. เองก็ไม่อยากประมูล โดยยึดเอาค่าต๋งสูงๆ เป็นเกณฑ์ เช่นกัน เพราะประสบการณ์ในต่างประเทศอย่างยุโรปเองที่ประมูลกันเป็นหมื่นๆล้าน สุดท้ายผู้ประกอบการก็ม้วยเสื่อกลับบ้านเป็นแถว หรือแม้แต่ของไทยเองก็เคยเห็นกันมาแล้ว
แต่ก็อย่างที่กล่าวไปเมื่อวานนี้แหละ หากจะให้ กทช. กำหนดค่าต๋งเอาแต่พองามก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจไปขึ้นศาลฐานวูเอี๋ยกับบริษัทเอกชนปล้านทรัพยากรของชาติกัน ไม่เห็นหรือครับยังไม่ทันได้ขยับประมูลอะไร ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวาณิชย์ นักวิชาการจากทีดีอาร์ไอก็ออกมาดักคอแล้ว เพราะรายนี้คิดค่าต๋งไว้เสร็จสรรพ ปาเข้าไปเป็นแสนล้านโน่นครับ เอากะพี่เขาสิ แล้วอย่างนี้จะให้ กทช.ลุยกำถั่วไปได้ไง
แต่หากจะใช้วิธีจัดสรรตรงไปที่ผู้ประกอบการโดยตรงอย่างที่จีนหรือเพื่อนบ้านกัมพูชาทำกันก็คงมีปัญหาตามมาอีก เพราะบ้านเราดันมีโอปะเรเตอร์อยู่นับ 10 ราย ประเภทเครือข่ายเก่าก็ยังเอาตัวไม่รอด ก็ยังดอดไปแจมกับเขาด้วย ขืนแจกไปสุ่มสี่สุ่มห้า มีหวังได้พาเหรดขึ้นศาลกันตอนแก่
ระบบกฎหมายและองค์กรอิสระบ้านเราเหมือนชาวบ้านร้านรวงเขาซะที่ไหน !!
อันที่จริงหาก รมต.ไอซีที และรับบาลต้องการจะปกป้องบริษัทสื่อสารของรัฐ หรือแม้แต่บริษัทสื่อสารของไทยไม่ให้ถูกครอบงำจากทุนต่างชาติ ก็สามารถกำหนดเป็นนโยบายของรับออกมาได้อยู่แล้วครับ แต่ต้องทำเป็นมติ ครม. ออกมาครับ! จะกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการประมูลใบอนุญาต 3 จี อย่างไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ แม้แต่การกำหนดคุณสมบัติบริษัทสื่อสารที่จะเข้าประมูลว่าจะต้องดูลึกไปถึงขั้นไหนจะตรวจสอบกันถึงกึ๋นอย่างไร จะดูกันแค่ที่จดแจ้งไว้กับกระทรวงพาณิชย์ หรือตรวจสอบเชิงลึกไปถึงอำนาจบริหาร หรือนอมินีอะไรก็ตามแต่
หากรัฐบาลกำหนดหลักการออกมาเป็นมติ ครม. แล้ว กทช. เข้ามีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามอยู่แล้วครับ เพราะจะเป็นองค์การของรัฐที่เป็นอิสระ แต่ กทช. ต้องปฏิบัติตามนโยบายรับบาลครับ
ปูพรมให้นายกฯ”มาร์ค” และคุณ “พี่นก-ระนองรักษ์” ซะขนาดนี้หากยังซื่อบื้อกันอยู่อีกผมก้ไม่รู้ว่าจะว่าไงแล้ว (ว่ะ) ครับพี่น้องเอ๋ย!!!!!
เรื่องฮัลโหล 3 จี เป็นความโชคร้ายของประเทศที่ดันไปได้อดีตข้าราชการเป็ดง่อย ได้นักวิชาการและนักกฎหมายไดโนเสาร์มาบริหารประเทศก่อนหน้านี้ เรื่องมันถึงได้ยุ่งขิงเป็นยุงตีกันอย่างที่เห็นนั้น หากจะถามว่าหนทางผ่าทางตันปัญหานี้เพื่อไม่ให้รัฐสูญเสียผลประโยชน์นับแสนล้านไปนั้นยังจะกระทำได้หรือไม่!
คำตอบก็คือยังมีหนทางอยู่ครับใน 2 รูปแบบด้วยกัน! หนึ่งนั้นก็คือการปัดฝุ่น พ.ร.ก.จัดเก็บภาษีสรรพสามิตโทรคมนาคมที่ผมว่าไปวานนี้ขึ้นมา แต่วิธีการนี้คงยากจะประสบผลสำเร็จ เผลอๆ จะถูกมองว่าเป็นความพยายามฟอกผิดให้รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณอะไรไปโน้นครับ!
เพราะหลักการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตโทรคมนาคมนี้ได้ถูกรัฐบาล “ขิงเน่า-เต่าง่อย” บิดเบือนเจตนารมณ์จนเข้ารถเข้าพงกลายเป็นเรื่องการทุจริตเชิงนโยบายไปแล้ว ขืนใครปัดฝุ่นนี้มามีหวังได้งานเข้าแน่ครับ!
จึงเหลือเพียงหนทางที่สอง นั่นคือ การกำหนดนโยบายรัฐในเรื่องการประมูลคลื่น 3 จีที่จะมีขึ้นเพื่อเป็นแนวทางให้ กทช. ได้ปฏิบัติตามโดยตรง โดยต้องกำหนดเป็นมติคณะรัฐมนตรีออกมาให้ชัดเจน โดยให้มีการคิดค่าธรรมเนียมพิเศษเพิ่มเติม หรือ Premium Charge จากรายได้ประกอบการเป็นหลัก
จะกำหนดพรีเมียมชาร์จ 15-20% ของรายได้และจะตั้งเงื่อนไขประมูลเพิ่มเติมใดๆ อาทิ การตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกบริษัทสื่อสารที่จะเข้าประมูลจะว่ากันถึงพริกถึงขิงขนาดไหน ห้ามบริษัทนอมินีเข้าร่วมอย่างไร หากกำหนดเป็นนโยบายรัฐ เป็นมติ ครม.ออกมาแล้ว กทช.เขาต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลครับ!
แม้ กทช. จะได้ชื่อว่าเป็นหน่วยงานของรัฐที่เป็นอิสระ แต่ก็ต้องปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาล หาไม่แล้ว กทช. ต้องรายงานผลการดำเนินงานกลับมายังคณะรัฐมนตรีตามบทบัญญัติมาตรา 51 (9) และนายกฯเองยังสามารถเรียก กทช. มาชี้แจงเหตุผลที่ไม่ปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาลได้อีก มีหนทางนี้หนทางเดียวครับที่จะผ่าทางตัน 3 จีได้
ส่วนเรื่องของบริษัทนอมินี เรื่องของทุนสื่อสารต่างชาติอะไรนั้น ผมอยากให้พวกเราตั้งสติกันให้ดีๆ ครับหากเอไอเอส หรือดีแทคกระทำผิดกฎหมายโทรคมนาคมไทย หรือกฎหมายอะไรต่อมิอะไรดั่งที่ร้องแรกแหกกระเชอกันจริง
ขอโทษเถอะ! นายกฯ “มาร์ค” มัวทำอะไรอยู่หรือครับ ก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์ กระทรวงพาณิชย์มัวนั่งเอามือซุกหีบอะไรกันอยู่ หรือทำไมยังทนทู่ซี้ปล่อยให้บริษัทต่างชาติจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อยู่ได้
ก็ถ้ารัฐบาลที่มีอำนาจทุกอย่างอยู่ในมือไม่อาศัยโอกาสนี้แก้ไขกฎหมายให้เข้ารูปเข้ารอย แล้วจะมัวนั่งรอให้เทวดาหน้าไหนมาแก้ไขให้อีกหรือ หรือจะต้องให้ปฏิวัติรอบใหม่กันใหม่หรือไงพ่อเจ้าประคุณ!
ก็ถ้าทั้งปืนผาหน้าไม้และกฎหมายที่มีอยู่ในมือยังขุดรากถอนโคนมรดกบาป “นายใหญ่” ที่ว่าไม่ได้ 9 เดือนมาแล้วยังได้แค่ไล่ตาม (เงา) วนในอ่างเป็นหนูติดจั่นอยู่แบบนี้ก็เลิกพูดไปเถอนอมินีอะไรที่ว่านั่นเหม็นขี้ฟันเต็มทน (ว่ะ)!!!–จบ–
ผ่าทางตันฮัลโหล 3 g phones (update)
โดย..เนตรทิพย์ / ที่มา นสพ.ไทยรัฐ
เรื่องที่ คุณศุภชัย เจียรวนนท์ ผู้บริหารทรู คอร์ปอเรชั่นออกโรงกระทุ้งให้รัฐ และ กทช. ร่วมกันกอบกู้ชาติตีกันไม่ให้คลื่น 3 จี ต้องตกไปอยู่ในมือทุนต่างชาติ (แถมเป็นรัฐวิสาหกิจต่างชาติ) ที่เข้ามาครอบงำกิจการโทรคมนาคมไทย แถมยังปลุกเลือดรักชาติยอมไม่ได้หากฮัลโหล 3 จี จะตกไปอยู่ในมือต่างชาติ เพราะเป็นเรื่องของความมั่นคง ว่าเข้าไปนั่น
เพียงแต่สะกิดใจอยู่หน่อยก็ถ้า 3 จี ยอมเข้าไม่ได้แล้ว ได้ที่เป็นอยู่เวลานี้ทั้ง 2 จี หรือที่อัพเกรดเป็น 3 จี ผ่านอุปกรณ์ HSPA อะไรนั่น ยอมกันไปได้ยังไง ใช้กันมาเป็นปีเป็นชาติแล้วไม่รู้สึกอะไรเลยหรือพี่น้องเอ๋ย!!
ส่วนเรื่องค่าต๋ง 3 จี ใหม่ที่ว่าไม่ควรยึดผลประโยชน์สูงสุดเป็นเกณฑ์อะไรนั้น ผมเองเห็นด้วยกับคุณศุภชัย และท่านนายก “มาร์ค” ที่เคยไปมอบนโยบายให้ กทช. ก่อนหน้านี้ครับ เพราะในอดีตเราได้เป็นความล้มเหลวการประมูลสัมปทานที่ยึดเอาแต่ค่าต๋งสูงสุดเป็นเกณฑ์กันมามากแล้ว อย่างสัมปทานของ ทริปเปิ้ล ทรีนั่นครับ
เรื่องนี้พลเอกชูชาติ พรหมพระสิทธิ์ประธาน กทช. เองยอมรับว่า กทช. เองก็ไม่อยากประมูล โดยยึดเอาค่าต๋งสูงๆ เป็นเกณฑ์ เช่นกัน เพราะประสบการณ์ในต่างประเทศอย่างยุโรปเองที่ประมูลกันเป็นหมื่นๆล้าน สุดท้ายผู้ประกอบการก็ม้วยเสื่อกลับบ้านเป็นแถว หรือแม้แต่ของไทยเองก็เคยเห็นกันมาแล้ว
แต่ก็อย่างที่กล่าวไปเมื่อวานนี้แหละ หากจะให้ กทช. กำหนดค่าต๋งเอาแต่พองามก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจไปขึ้นศาลฐานวูเอี๋ยกับบริษัทเอกชนปล้านทรัพยากรของชาติกัน ไม่เห็นหรือครับยังไม่ทันได้ขยับประมูลอะไร ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวาณิชย์ นักวิชาการจากทีดีอาร์ไอก็ออกมาดักคอแล้ว เพราะรายนี้คิดค่าต๋งไว้เสร็จสรรพ ปาเข้าไปเป็นแสนล้านโน่นครับ เอากะพี่เขาสิ แล้วอย่างนี้จะให้ กทช.ลุยกำถั่วไปได้ไง
แต่หากจะใช้วิธีจัดสรรตรงไปที่ผู้ประกอบการโดยตรงอย่างที่จีนหรือเพื่อนบ้านกัมพูชาทำกันก็คงมีปัญหาตามมาอีก เพราะบ้านเราดันมีโอปะเรเตอร์อยู่นับ 10 ราย ประเภทเครือข่ายเก่าก็ยังเอาตัวไม่รอด ก็ยังดอดไปแจมกับเขาด้วย ขืนแจกไปสุ่มสี่สุ่มห้า มีหวังได้พาเหรดขึ้นศาลกันตอนแก่
ระบบกฎหมายและองค์กรอิสระบ้านเราเหมือนชาวบ้านร้านรวงเขาซะที่ไหน !!
อันที่จริงหาก รมต.ไอซีที และรับบาลต้องการจะปกป้องบริษัทสื่อสารของรัฐ หรือแม้แต่บริษัทสื่อสารของไทยไม่ให้ถูกครอบงำจากทุนต่างชาติ ก็สามารถกำหนดเป็นนโยบายของรับออกมาได้อยู่แล้วครับ แต่ต้องทำเป็นมติ ครม. ออกมาครับ! จะกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการประมูลใบอนุญาต 3 จี อย่างไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ แม้แต่การกำหนดคุณสมบัติบริษัทสื่อสารที่จะเข้าประมูลว่าจะต้องดูลึกไปถึงขั้นไหนจะตรวจสอบกันถึงกึ๋นอย่างไร จะดูกันแค่ที่จดแจ้งไว้กับกระทรวงพาณิชย์ หรือตรวจสอบเชิงลึกไปถึงอำนาจบริหาร หรือนอมินีอะไรก็ตามแต่
หากรัฐบาลกำหนดหลักการออกมาเป็นมติ ครม. แล้ว กทช. เข้ามีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามอยู่แล้วครับ เพราะจะเป็นองค์การของรัฐที่เป็นอิสระ แต่ กทช. ต้องปฏิบัติตามนโยบายรับบาลครับ
ปูพรมให้นายกฯ”มาร์ค” และคุณ “พี่นก-ระนองรักษ์” ซะขนาดนี้หากยังซื่อบื้อกันอยู่อีกผมก้ไม่รู้ว่าจะว่าไงแล้ว (ว่ะ) ครับพี่น้องเอ๋ย!!!!!
เรื่องฮัลโหล 3 จี เป็นความโชคร้ายของประเทศที่ดันไปได้อดีตข้าราชการเป็ดง่อย ได้นักวิชาการและนักกฎหมายไดโนเสาร์มาบริหารประเทศก่อนหน้านี้ เรื่องมันถึงได้ยุ่งขิงเป็นยุงตีกันอย่างที่เห็นนั้น หากจะถามว่าหนทางผ่าทางตันปัญหานี้เพื่อไม่ให้รัฐสูญเสียผลประโยชน์นับแสนล้านไปนั้นยังจะกระทำได้หรือไม่!
คำตอบก็คือยังมีหนทางอยู่ครับใน 2 รูปแบบด้วยกัน! หนึ่งนั้นก็คือการปัดฝุ่น พ.ร.ก.จัดเก็บภาษีสรรพสามิตโทรคมนาคมที่ผมว่าไปวานนี้ขึ้นมา แต่วิธีการนี้คงยากจะประสบผลสำเร็จ เผลอๆ จะถูกมองว่าเป็นความพยายามฟอกผิดให้รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณอะไรไปโน้นครับ!
เพราะหลักการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตโทรคมนาคมนี้ได้ถูกรัฐบาล “ขิงเน่า-เต่าง่อย” บิดเบือนเจตนารมณ์จนเข้ารถเข้าพงกลายเป็นเรื่องการทุจริตเชิงนโยบายไปแล้ว ขืนใครปัดฝุ่นนี้มามีหวังได้งานเข้าแน่ครับ!
จึงเหลือเพียงหนทางที่สอง นั่นคือ การกำหนดนโยบายรัฐในเรื่องการประมูลคลื่น 3 จีที่จะมีขึ้นเพื่อเป็นแนวทางให้ กทช. ได้ปฏิบัติตามโดยตรง โดยต้องกำหนดเป็นมติคณะรัฐมนตรีออกมาให้ชัดเจน โดยให้มีการคิดค่าธรรมเนียมพิเศษเพิ่มเติม หรือ Premium Charge จากรายได้ประกอบการเป็นหลัก
จะกำหนดพรีเมียมชาร์จ 15-20% ของรายได้และจะตั้งเงื่อนไขประมูลเพิ่มเติมใดๆ อาทิ การตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกบริษัทสื่อสารที่จะเข้าประมูลจะว่ากันถึงพริกถึงขิงขนาดไหน ห้ามบริษัทนอมินีเข้าร่วมอย่างไร หากกำหนดเป็นนโยบายรัฐ เป็นมติ ครม.ออกมาแล้ว กทช.เขาต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลครับ!
แม้ กทช. จะได้ชื่อว่าเป็นหน่วยงานของรัฐที่เป็นอิสระ แต่ก็ต้องปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาล หาไม่แล้ว กทช. ต้องรายงานผลการดำเนินงานกลับมายังคณะรัฐมนตรีตามบทบัญญัติมาตรา 51 (9) และนายกฯเองยังสามารถเรียก กทช. มาชี้แจงเหตุผลที่ไม่ปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาลได้อีก มีหนทางนี้หนทางเดียวครับที่จะผ่าทางตัน 3 จีได้
ส่วนเรื่องของบริษัทนอมินี เรื่องของทุนสื่อสารต่างชาติอะไรนั้น ผมอยากให้พวกเราตั้งสติกันให้ดีๆ ครับหากเอไอเอส หรือดีแทคกระทำผิดกฎหมายโทรคมนาคมไทย หรือกฎหมายอะไรต่อมิอะไรดั่งที่ร้องแรกแหกกระเชอกันจริง
ขอโทษเถอะ! นายกฯ “มาร์ค” มัวทำอะไรอยู่หรือครับ ก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์ กระทรวงพาณิชย์มัวนั่งเอามือซุกหีบอะไรกันอยู่ หรือทำไมยังทนทู่ซี้ปล่อยให้บริษัทต่างชาติจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อยู่ได้
ก็ถ้ารัฐบาลที่มีอำนาจทุกอย่างอยู่ในมือไม่อาศัยโอกาสนี้แก้ไขกฎหมายให้เข้ารูปเข้ารอย แล้วจะมัวนั่งรอให้เทวดาหน้าไหนมาแก้ไขให้อีกหรือ หรือจะต้องให้ปฏิวัติรอบใหม่กันใหม่หรือไงพ่อเจ้าประคุณ!
ก็ถ้าทั้งปืนผาหน้าไม้และกฎหมายที่มีอยู่ในมือยังขุดรากถอนโคนมรดกบาป “นายใหญ่” ที่ว่าไม่ได้ 9 เดือนมาแล้วยังได้แค่ไล่ตาม (เงา) วนในอ่างเป็นหนูติดจั่นอยู่แบบนี้ก็เลิกพูดไปเถอนอมินีอะไรที่ว่านั่นเหม็นขี้ฟันเต็มทน (ว่ะ)!!!–จบ–
ผ่าทางตันฮัลโหล 3 g phones (update)
โดย..เนตรทิพย์ / ที่มา นสพ.ไทยรัฐ
ทีโอทีเร่งสปีด 3G MVNO คาดโกยเดือนละ 150 ล้าน
ทีโอทีเร่งสปีด 3G MVNO คาดโกยเดือนละ 150 ล้าน
ทีโอทีคาดขายส่ง 3G หรือ MVNO เอกชน 5 ราย ทำรายได้เดือนละ 150 ล้านบาท ให้เบอร์ขายรายละ 2 หมื่นเลขหมายเปิดบริการพร้อมกัน 3 ธ.ค.นี้ ลูกค้าเก่าไทยโมบายหมื่นคนส้มหล่น รอรับมือถือ 3G ฟรี
นายวิเชียร นาคสีนวล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอทีกล่าวว่า ทีโอทีคาดการณ์รายได้จากการขายส่งการให้เช่าโครงข่าย (MVNO หรือ Mobile Virtual Network Operator) โทรศัพท์มือถือ 3G ของบริษัทเอกชนที่ผ่านการคัดเลือกเพื่อให้บริการ 5 ราย ได้แก่ บริษัท สามารถ ไอ-โมบาย บริษัท 365 คอมมูนิเคชั่น บริษัท ล็อกซเล่ย์ บริษัท ไออีซี และบริษัท เอ็ม คอนซัลต์ เอเซีย ในช่วงเริ่มต้นเดือนละประมาณ 150 ล้านบาท หรือเฉลี่ยขั้นต่ำรายได้ 300 บาท/เดือน/เลขหมาย ซึ่งหากทีโอทีมีรายได้ตามที่คาดไว้ถือว่าคุ้มทุนจากการดำเนินการแล้ว โดยผู้ประกอบการ MVNO ทั้ง 5 รายจะเปิดให้บริการ 3G พร้อมกันวันที่ 3 ธ.ค.นี้ จากเดิมทีโอทีคาดว่าจะมีเพียงสามารถไอ-โมบาย และ บริษัท 365 เท่านั้นที่จะมีความพร้อมในการดำเนินการ
สำหรับการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกของ 3G ทีโอทีในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ทีโอทีจะจัดสรรเลขหมายให้ผู้ประกอบการ MVNO ไปจำหน่ายรายละ 20,000 เลขหมาย หลังจากนั้นจะพิจารณาจัดสรรเลขหมายเพิ่มเติมให้กับผู้ประกอบการทีละราย ส่วนการทำตลาด การเลือกกลุ่มเป้าหมาย และโปรโมชัน ผู้ประกอบการทั้ง 5 รายต้องดำเนินการเอง
โดยจุดดึงดูดลูกค้าอยู่ที่คอนเทนต์ที่แตกต่างกันของแต่ละรายสำหรับในส่วนที่ทีโอทีจะทำตลาด 3G เองจำนวน 1 แสนเลขหมายจะเน้นกลุ่มลูกค้าองค์กรเป็นหลัก
‘การที่ทีโอทีเปิดให้บริการ 3G เฟสแรกก่อนที่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) จะเปิดประมูลใบอนุญาต 3G ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีของทีโอที ดังนั้นทีโอทีต้องดึงให้ลูกค้ามาใช้งาน 3Gของทีโอทีให้ได้มากที่สุด เบื้องต้นจะขยายสถานีฐานซึ่งรองรับการใช้งาน 3G ในอาคารเพิ่มอีก 200 แห่ง ด้วยงบ 600 ล้านบาท จากเดิมที่มีสถานีฐานครอบคลุมกรุงเทพฯ-ปริมณฑล 548 สถานีฐาน’
ทีโอทียังมีแผนจะแจกโทรศัพท์มือถือที่รองรับระบบ 3G ให้กับลูกค้าไทยโมบายเดิมจำนวน 10,000 รายหรือแจกคูปองพิเศษสำหรับเป็นส่วนลดซื้อเครื่องใหม่ โดยโทรศัพท์มือถือที่ทีโอทีสั่งผลิตจากประเทศจีนมีราคาอยู่ที่ 4,000 บาท/เครื่องและในวันที่19-23 พ.ย.นี้ ทีโอทีจะเปิดขายซิมการ์ด 3G ซึ่งเป็นโปรโมชันพิเศษให้พนักงาน และมีแผนทำโปรโมชันพิเศษให้กับลูกค้าโทรศัพท์บ้านของทีโอทีที่มีอยู่ 2 ล้านรายในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑลด้วย
นายวิเชียรกล่าวต่อว่าเมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมาสภาฯได้ผ่านความเห็นชอบโครงการ 3G เฟส 2 ทั่วประเทศซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในงบโครงการไทยเข้มแข็ง ด้วยคะแนนเสียง300 เสียงต่อ 20 เสียง โดยกระทรวงการคลังได้นำเสนอโครงการ 3G มูลค่า 29,000 ล้านบาทตามมติครม.เมื่อวันที่ 9 ก.ย.51 ซึ่งทีโอทีจะกู้เงินจำนวน 80% หรือราว 23,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 20% ทีโอทีจะเป็นผู้ลงทุนเอง
สำหรับการทำโครงข่ายด้วยงบประมาณดังกล่าวสามารถรองรับเลขหมายให้บริการได้ 5 ล้านเลขหมายทั่วประเทศ อย่างไรก็ตามหลังจากนี้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) จะต้องเสนอเรื่องนี้ให้กระทรวงการคลังพิจารณาว่าจะเป็นผู้รับรองค้ำประกันเงินกู้ให้ทีโอทีหรือไม่ ซึ่งตามมติครม.เดิมระบุชัดเจนว่าคลังต้องเป็นผู้ค้ำประกัน ทั้งนี้ในเงื่อนไขการประมูลระบุไว้ชัดเจนว่าผู้เสนอราคาต้องยื่นแหล่งเงินกู้พร้อมดอกเบี้ยและชนะการประมูล ทีโอทีก็จะเสนอแหล่งเงินกู้ที่ผู้ชนะเสนอต่อคลังหากคลังเห็นชอบก็เดินหน้าตามขั้นตอนต่อไปได้ แต่หากคลังไม่เห็นชอบคลังจะต้องเป็นผู้หาแหล่งเงินกู้ที่ดีกว่าให้
นายวรุธ สุวกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ ทีโอที กล่าวว่า ทีโอที ได้รับอนุมัติแผนงานโครงการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึง และบริการเพื่อสังคม หรือUniversal Service Obligation (USO) จากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เมื่อวันที่ 5 ต.ค.2549 ระยะเวลาโครงการ 3 ปี ซึ่งทีโอทีดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2550
ปัจจุบันทีโอทีดำเนินงานโครงการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงในระยะแรกเสร็จแล้ว ซึ่งการดำเนินการเน้นการเข้าถึงบริการโทรศัพท์สาธารณะในพื้นที่ห่างไกล ทั้งหมู่บ้าน โรงเรียน และสถานีอนามัย รวมทั้งติดตั้งและให้บริการโทรศัพท์สาธารณะเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้พิการทางการเคลื่อนไหว การมองเห็น และการได้ยินโดยการดำเนินงานโครงการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงในระยะที่สองจะเน้นการให้บริการด้านอินเทอร์เน็ต
พล.อ.ชูชาติ พรหมพระสิทธิ์ ประธาน กทช. กล่าวว่าการดำเนินการจัดทำประกาศโครงการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงในระยะที่สอง กทช.ได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU)ในการให้คำปรึกษา ซึ่งขณะนี้ประกาศดังกล่าวได้ใช้บังคับแล้วตั้งแต่วันที่ 6 ต.ค.52 โดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึง ส่วนหนึ่งมาจากรายได้ 4% ก่อนหักค่าใช้จ่ายของผู้ที่ได้รับใบอนุญาตประเภทที่ 2 และ 3 จำนวน 24 ราย โดยคาดว่าจะมีวงเงินใช้จ่ายในโครงการดังกล่าวไม่เกินปีละ 4,000 ล้านบาท
นายประสิทธิ์ ประพิณมงคลการ กรรมการกทช. กล่าวว่า หลังจากนี้อีก 2-3 ปี อุปกรณ์ที่ติดตั้งเพื่อให้บริการโทรศัพท์สาธารณะในโครงการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงก็ต้องมีค่าบำรุงรักษา ซึ่งทีโอทีสามารถนำค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษามาหักลดหย่อนค่าธรรมเนียมใบอนุญาตโทรคมนาคมที่ต้องจ่ายให้กับ กทช.ได้ โดยการให้บริการโทรคมนาคมขั้นพื้นฐานจะอิงตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปตามกระแสโลก ซึ่งในอนาคตอาจนำเทคโนโลยี 3G มาให้บริการโทรคมนาคมขั้นพื้นฐานก็ได้
ทีโอทีเร่งสปีด 3G MVNO คาดโกยเดือนละ 150 ล้าน
ทีโอทีคาดขายส่ง 3G หรือ MVNO เอกชน 5 ราย ทำรายได้เดือนละ 150 ล้านบาท ให้เบอร์ขายรายละ 2 หมื่นเลขหมายเปิดบริการพร้อมกัน 3 ธ.ค.นี้ ลูกค้าเก่าไทยโมบายหมื่นคนส้มหล่น รอรับมือถือ 3G ฟรี
นายวิเชียร นาคสีนวล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอทีกล่าวว่า ทีโอทีคาดการณ์รายได้จากการขายส่งการให้เช่าโครงข่าย (MVNO หรือ Mobile Virtual Network Operator) โทรศัพท์มือถือ 3G ของบริษัทเอกชนที่ผ่านการคัดเลือกเพื่อให้บริการ 5 ราย ได้แก่ บริษัท สามารถ ไอ-โมบาย บริษัท 365 คอมมูนิเคชั่น บริษัท ล็อกซเล่ย์ บริษัท ไออีซี และบริษัท เอ็ม คอนซัลต์ เอเซีย ในช่วงเริ่มต้นเดือนละประมาณ 150 ล้านบาท หรือเฉลี่ยขั้นต่ำรายได้ 300 บาท/เดือน/เลขหมาย ซึ่งหากทีโอทีมีรายได้ตามที่คาดไว้ถือว่าคุ้มทุนจากการดำเนินการแล้ว โดยผู้ประกอบการ MVNO ทั้ง 5 รายจะเปิดให้บริการ 3G พร้อมกันวันที่ 3 ธ.ค.นี้ จากเดิมทีโอทีคาดว่าจะมีเพียงสามารถไอ-โมบาย และ บริษัท 365 เท่านั้นที่จะมีความพร้อมในการดำเนินการ
สำหรับการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกของ 3G ทีโอทีในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ทีโอทีจะจัดสรรเลขหมายให้ผู้ประกอบการ MVNO ไปจำหน่ายรายละ 20,000 เลขหมาย หลังจากนั้นจะพิจารณาจัดสรรเลขหมายเพิ่มเติมให้กับผู้ประกอบการทีละราย ส่วนการทำตลาด การเลือกกลุ่มเป้าหมาย และโปรโมชัน ผู้ประกอบการทั้ง 5 รายต้องดำเนินการเอง
โดยจุดดึงดูดลูกค้าอยู่ที่คอนเทนต์ที่แตกต่างกันของแต่ละรายสำหรับในส่วนที่ทีโอทีจะทำตลาด 3G เองจำนวน 1 แสนเลขหมายจะเน้นกลุ่มลูกค้าองค์กรเป็นหลัก
‘การที่ทีโอทีเปิดให้บริการ 3G เฟสแรกก่อนที่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) จะเปิดประมูลใบอนุญาต 3G ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีของทีโอที ดังนั้นทีโอทีต้องดึงให้ลูกค้ามาใช้งาน 3Gของทีโอทีให้ได้มากที่สุด เบื้องต้นจะขยายสถานีฐานซึ่งรองรับการใช้งาน 3G ในอาคารเพิ่มอีก 200 แห่ง ด้วยงบ 600 ล้านบาท จากเดิมที่มีสถานีฐานครอบคลุมกรุงเทพฯ-ปริมณฑล 548 สถานีฐาน’
ทีโอทียังมีแผนจะแจกโทรศัพท์มือถือที่รองรับระบบ 3G ให้กับลูกค้าไทยโมบายเดิมจำนวน 10,000 รายหรือแจกคูปองพิเศษสำหรับเป็นส่วนลดซื้อเครื่องใหม่ โดยโทรศัพท์มือถือที่ทีโอทีสั่งผลิตจากประเทศจีนมีราคาอยู่ที่ 4,000 บาท/เครื่องและในวันที่19-23 พ.ย.นี้ ทีโอทีจะเปิดขายซิมการ์ด 3G ซึ่งเป็นโปรโมชันพิเศษให้พนักงาน และมีแผนทำโปรโมชันพิเศษให้กับลูกค้าโทรศัพท์บ้านของทีโอทีที่มีอยู่ 2 ล้านรายในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑลด้วย
นายวิเชียรกล่าวต่อว่าเมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมาสภาฯได้ผ่านความเห็นชอบโครงการ 3G เฟส 2 ทั่วประเทศซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในงบโครงการไทยเข้มแข็ง ด้วยคะแนนเสียง300 เสียงต่อ 20 เสียง โดยกระทรวงการคลังได้นำเสนอโครงการ 3G มูลค่า 29,000 ล้านบาทตามมติครม.เมื่อวันที่ 9 ก.ย.51 ซึ่งทีโอทีจะกู้เงินจำนวน 80% หรือราว 23,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 20% ทีโอทีจะเป็นผู้ลงทุนเอง
สำหรับการทำโครงข่ายด้วยงบประมาณดังกล่าวสามารถรองรับเลขหมายให้บริการได้ 5 ล้านเลขหมายทั่วประเทศ อย่างไรก็ตามหลังจากนี้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) จะต้องเสนอเรื่องนี้ให้กระทรวงการคลังพิจารณาว่าจะเป็นผู้รับรองค้ำประกันเงินกู้ให้ทีโอทีหรือไม่ ซึ่งตามมติครม.เดิมระบุชัดเจนว่าคลังต้องเป็นผู้ค้ำประกัน ทั้งนี้ในเงื่อนไขการประมูลระบุไว้ชัดเจนว่าผู้เสนอราคาต้องยื่นแหล่งเงินกู้พร้อมดอกเบี้ยและชนะการประมูล ทีโอทีก็จะเสนอแหล่งเงินกู้ที่ผู้ชนะเสนอต่อคลังหากคลังเห็นชอบก็เดินหน้าตามขั้นตอนต่อไปได้ แต่หากคลังไม่เห็นชอบคลังจะต้องเป็นผู้หาแหล่งเงินกู้ที่ดีกว่าให้
นายวรุธ สุวกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ ทีโอที กล่าวว่า ทีโอที ได้รับอนุมัติแผนงานโครงการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึง และบริการเพื่อสังคม หรือUniversal Service Obligation (USO) จากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เมื่อวันที่ 5 ต.ค.2549 ระยะเวลาโครงการ 3 ปี ซึ่งทีโอทีดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2550
ปัจจุบันทีโอทีดำเนินงานโครงการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงในระยะแรกเสร็จแล้ว ซึ่งการดำเนินการเน้นการเข้าถึงบริการโทรศัพท์สาธารณะในพื้นที่ห่างไกล ทั้งหมู่บ้าน โรงเรียน และสถานีอนามัย รวมทั้งติดตั้งและให้บริการโทรศัพท์สาธารณะเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้พิการทางการเคลื่อนไหว การมองเห็น และการได้ยินโดยการดำเนินงานโครงการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงในระยะที่สองจะเน้นการให้บริการด้านอินเทอร์เน็ต
พล.อ.ชูชาติ พรหมพระสิทธิ์ ประธาน กทช. กล่าวว่าการดำเนินการจัดทำประกาศโครงการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงในระยะที่สอง กทช.ได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU)ในการให้คำปรึกษา ซึ่งขณะนี้ประกาศดังกล่าวได้ใช้บังคับแล้วตั้งแต่วันที่ 6 ต.ค.52 โดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึง ส่วนหนึ่งมาจากรายได้ 4% ก่อนหักค่าใช้จ่ายของผู้ที่ได้รับใบอนุญาตประเภทที่ 2 และ 3 จำนวน 24 ราย โดยคาดว่าจะมีวงเงินใช้จ่ายในโครงการดังกล่าวไม่เกินปีละ 4,000 ล้านบาท
นายประสิทธิ์ ประพิณมงคลการ กรรมการกทช. กล่าวว่า หลังจากนี้อีก 2-3 ปี อุปกรณ์ที่ติดตั้งเพื่อให้บริการโทรศัพท์สาธารณะในโครงการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงก็ต้องมีค่าบำรุงรักษา ซึ่งทีโอทีสามารถนำค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษามาหักลดหย่อนค่าธรรมเนียมใบอนุญาตโทรคมนาคมที่ต้องจ่ายให้กับ กทช.ได้ โดยการให้บริการโทรคมนาคมขั้นพื้นฐานจะอิงตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปตามกระแสโลก ซึ่งในอนาคตอาจนำเทคโนโลยี 3G มาให้บริการโทรคมนาคมขั้นพื้นฐานก็ได้
ทีโอทีเร่งสปีด 3G MVNO คาดโกยเดือนละ 150 ล้าน
3G phones คุมเกณฑ์ 3จี ไม่กระทบภาษี คลังวางกรอบไลเซนส์ใหม่เสริมสัมปทานเก่า 2จี
3G phones คุมเกณฑ์ 3จี ไม่กระทบภาษี คลังวางกรอบไลเซนส์ใหม่เสริมสัมปทานเก่า 2จี
คุมเกณฑ์ 3จี ไม่กระทบภาษี คลังวางกรอบไลเซนส์ใหม่เสริมสัมปทานเก่า 2จี
คลังระบุรัฐบาลพร้อมเดินหน้าปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ เร่งออกใบอนุญาตสถาบันการเงินให้สินเชื่อไมโครไฟแนนซ์ ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมากขึ้น คุมเงื่อนไขออก 3จี ต้องไม่กระทบรายได้รัฐ เผยชะลอโครงการอนุมัติเงินกู้ให้เขมร
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาแนวทางการปฏิรูปเศรษฐกิจในงานสัมมนาเศรษฐศาสตร์ประจำปีเรื่อง แนวโน้มเศรษฐกิจไทย 2553 : ปฏิรูปก่อนวิกฤติย้อนรอย จัดโดยคณะเศรษฐศาสตร์ และศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป มหาวิทยาลัยรังสิต ร่วมกับสถาบันปรีดี พนมยงค์ และสถานีวิทยุ FM 96.5 คลื่นความคิด ว่า ปีที่
ผ่านมารัฐบาลได้เดินหน้าแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งเป็นมาตรการตัดไฟแต่ต้นลม ทำให้ช่วยลดปัญหาการว่างงานลงได้
จากที่เคยประเมินว่า ปีนี้จะมีการว่างงานสูงถึง 2 ล้านคน แต่ผลจากมาตรการเช็คช่วยชาติ 2,000 บาท ที่จ่ายให้ผู้ประกันตน 9 ล้านคน ทำให้การว่างงานลดเหลือ 500,000 คนเท่านั้น ขณะนี้รัฐบาลได้เดินหน้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจระยะปานกลาง 2-3 ปี ผ่านโครงการไทยเข้มแข็งที่มีวงเงินสูงถึง 1.4 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 15 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)
โดยรัฐบาลจ่ายเฉลี่ยร้อยละ 4-5 ต่อปีของจีดีพี ส่วนเม็ดเงินโครงการไทยเข้มแข็งก้อนแรก จำนวน 350,000 ล้านบาท รัฐบาลประเมินว่า เพียงพอที่จะรักษาระดับและแก้ปัญหาเศรษฐกิจระยะสั้นได้
สำหรับการปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศ ต้องดำเนินการ 3 ระดับคือ การปฏิรูปในภาคประชาชนผ่านมาตรการสำคัญคือวันที่ 19 พ.ย.นี้ นายกรัฐมนตรีจะประกาศนโยบายปฏิรูปปัญหาหนี้นอกระบบให้กับประชาชน ที่ปัจจุบันต้องเสียดอกเบี้ย 50-60% ให้มาเป็นหนี้ในระบบ โครงการประกันรายได้เกษตรกร แทนการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตร ล่าสุดมีเกษตรกรขึ้นทะเบียนแล้ว 4 ล้านราย นอกจากนี้ รัฐบาลจะเพิ่มโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลัง ได้ออกแผนพัฒนาสถาบันการเงินที่จะมีการออกใบอนุญาตให้ทำธุรกิจปล่อยสินเชื่อรายย่อย หรือไมโครไฟแนนซ์
ส่วนการปฏิรูปภาคเอกชน จะมีการลดต้นทุนการขนส่ง โดยการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมากขึ้น เพราะปัจจุบันไทยใช้การขนส่งระบบรางน้อย ทำให้มีต้นทุนสูงถึง 19-20% ต่อจีดีพี ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังอนุมัติแผนพัฒนาตลาดทุน โดยตั้งเป้าหมายว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้าตลาดทุนจะมีขนาดเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า และเร่งปล่อยสินเชื่อให้ภาคเอกชนมากขึ้น ส่วนภาครัฐจะต้องมีการปฏิรูป โดยเน้นพัฒนาระบบธรรมาภิบาล และล่าสุดกระทรวงการคลัง จะเสนอคณะรัฐมนตรีแก้ไข พ.ร.บ.ศุลกากรในสัปดาห์หน้า เพื่อแก้ปัญหาความไม่โปร่งใส และเดินหน้าแก้ไข พ.ร.บ.สรรพสามิตในแนวทางเดียวกัน พร้อมกันนี้ ได้สั่งการให้ผู้บริหารระดับสูง กระทรวงการคลัง ต้องรายงานการซื้อขายหุ้น และจะแก้ไขกรณีที่เจ้าหน้าที่สรรพากรที่รับเป็นที่ปรึกษาบริษัทเอกชนที่เสียภาษี ซึ่งเป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนที่ต้องได้รับการแก้ไข
นายกรณ์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลสนับสนุนการลงทุนในโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3จี ของรัฐวิสาหกิจ หากการลงทุนนั้นสามารถสร้างผลตอบแทนได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาเงินภาษีของประชาชน แต่ต้องแยกว่ารัฐวิสาหกิจใดที่สมควรจะได้รับการสนับสนุน ส่วนการออกใบอนุญาตโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3จี กระทรวงการคลังมีความเป็นห่วงว่า จะทำให้ผู้ใช้บริการย้ายฐานไปยังระบบ 3จี จนทำให้รัฐอาจสูญเสียรายได้จากสัญญาสัมปทานในระบบ 2จี ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงได้รับมอบหมายจากรัฐบาล ให้กำหนดเงื่อนไขการออกใบอนุญาต 3จี เพื่อไม่ให้กระทบรายได้ของรัฐบาล
ส่วนกรณีความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) หรือ สพพ. ยังคงทำหน้าที่ตามปกติ โดยที่ผ่านมา กัมพูชาได้ขอรับการสนับสนุนจากไทย 3 โครงการ ซึ่ง 2 โครงการเบิกจ่ายงบประมาณไปแล้ว ส่วนที่เหลืออีก 1 โครงการยังไม่มีการเบิกจ่ายเงิน โดยประเทศไทยขอสงวนท่าทีโครงการที่เหลือไว้ก่อน ขณะที่การทำหน้าที่ประธานอาเซียนในเวทีการประชุมรัฐมนตรีคลังเอเปกที่สิงคโปร์ ไทยทำหน้าที่เป็นประธานอาเซียนได้เป็นอย่างดี เพราะสมาชิกอาเซียนที่เข้าร่วมประชุมไม่ได้ติดใจปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชาที่เกิดขึ้น เพราะเป็นปัญหาระดับทวิภาคี ขณะเดียวกันไทยยืนยันมาตลอดว่าที่ผ่านมาเป็นผู้ถูกกระทำ
Source: บ้านเมือง วันที่ 17 พฤศจิกายน 2552
คุมเกณฑ์ 3จี ไม่กระทบภาษี คลังวางกรอบไลเซนส์ใหม่เสริมสัมปทานเก่า 2จี
คลังระบุรัฐบาลพร้อมเดินหน้าปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ เร่งออกใบอนุญาตสถาบันการเงินให้สินเชื่อไมโครไฟแนนซ์ ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมากขึ้น คุมเงื่อนไขออก 3จี ต้องไม่กระทบรายได้รัฐ เผยชะลอโครงการอนุมัติเงินกู้ให้เขมร
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาแนวทางการปฏิรูปเศรษฐกิจในงานสัมมนาเศรษฐศาสตร์ประจำปีเรื่อง แนวโน้มเศรษฐกิจไทย 2553 : ปฏิรูปก่อนวิกฤติย้อนรอย จัดโดยคณะเศรษฐศาสตร์ และศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป มหาวิทยาลัยรังสิต ร่วมกับสถาบันปรีดี พนมยงค์ และสถานีวิทยุ FM 96.5 คลื่นความคิด ว่า ปีที่
ผ่านมารัฐบาลได้เดินหน้าแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งเป็นมาตรการตัดไฟแต่ต้นลม ทำให้ช่วยลดปัญหาการว่างงานลงได้
จากที่เคยประเมินว่า ปีนี้จะมีการว่างงานสูงถึง 2 ล้านคน แต่ผลจากมาตรการเช็คช่วยชาติ 2,000 บาท ที่จ่ายให้ผู้ประกันตน 9 ล้านคน ทำให้การว่างงานลดเหลือ 500,000 คนเท่านั้น ขณะนี้รัฐบาลได้เดินหน้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจระยะปานกลาง 2-3 ปี ผ่านโครงการไทยเข้มแข็งที่มีวงเงินสูงถึง 1.4 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 15 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)
โดยรัฐบาลจ่ายเฉลี่ยร้อยละ 4-5 ต่อปีของจีดีพี ส่วนเม็ดเงินโครงการไทยเข้มแข็งก้อนแรก จำนวน 350,000 ล้านบาท รัฐบาลประเมินว่า เพียงพอที่จะรักษาระดับและแก้ปัญหาเศรษฐกิจระยะสั้นได้
สำหรับการปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศ ต้องดำเนินการ 3 ระดับคือ การปฏิรูปในภาคประชาชนผ่านมาตรการสำคัญคือวันที่ 19 พ.ย.นี้ นายกรัฐมนตรีจะประกาศนโยบายปฏิรูปปัญหาหนี้นอกระบบให้กับประชาชน ที่ปัจจุบันต้องเสียดอกเบี้ย 50-60% ให้มาเป็นหนี้ในระบบ โครงการประกันรายได้เกษตรกร แทนการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตร ล่าสุดมีเกษตรกรขึ้นทะเบียนแล้ว 4 ล้านราย นอกจากนี้ รัฐบาลจะเพิ่มโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลัง ได้ออกแผนพัฒนาสถาบันการเงินที่จะมีการออกใบอนุญาตให้ทำธุรกิจปล่อยสินเชื่อรายย่อย หรือไมโครไฟแนนซ์
ส่วนการปฏิรูปภาคเอกชน จะมีการลดต้นทุนการขนส่ง โดยการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมากขึ้น เพราะปัจจุบันไทยใช้การขนส่งระบบรางน้อย ทำให้มีต้นทุนสูงถึง 19-20% ต่อจีดีพี ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังอนุมัติแผนพัฒนาตลาดทุน โดยตั้งเป้าหมายว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้าตลาดทุนจะมีขนาดเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า และเร่งปล่อยสินเชื่อให้ภาคเอกชนมากขึ้น ส่วนภาครัฐจะต้องมีการปฏิรูป โดยเน้นพัฒนาระบบธรรมาภิบาล และล่าสุดกระทรวงการคลัง จะเสนอคณะรัฐมนตรีแก้ไข พ.ร.บ.ศุลกากรในสัปดาห์หน้า เพื่อแก้ปัญหาความไม่โปร่งใส และเดินหน้าแก้ไข พ.ร.บ.สรรพสามิตในแนวทางเดียวกัน พร้อมกันนี้ ได้สั่งการให้ผู้บริหารระดับสูง กระทรวงการคลัง ต้องรายงานการซื้อขายหุ้น และจะแก้ไขกรณีที่เจ้าหน้าที่สรรพากรที่รับเป็นที่ปรึกษาบริษัทเอกชนที่เสียภาษี ซึ่งเป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนที่ต้องได้รับการแก้ไข
นายกรณ์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลสนับสนุนการลงทุนในโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3จี ของรัฐวิสาหกิจ หากการลงทุนนั้นสามารถสร้างผลตอบแทนได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาเงินภาษีของประชาชน แต่ต้องแยกว่ารัฐวิสาหกิจใดที่สมควรจะได้รับการสนับสนุน ส่วนการออกใบอนุญาตโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3จี กระทรวงการคลังมีความเป็นห่วงว่า จะทำให้ผู้ใช้บริการย้ายฐานไปยังระบบ 3จี จนทำให้รัฐอาจสูญเสียรายได้จากสัญญาสัมปทานในระบบ 2จี ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงได้รับมอบหมายจากรัฐบาล ให้กำหนดเงื่อนไขการออกใบอนุญาต 3จี เพื่อไม่ให้กระทบรายได้ของรัฐบาล
ส่วนกรณีความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) หรือ สพพ. ยังคงทำหน้าที่ตามปกติ โดยที่ผ่านมา กัมพูชาได้ขอรับการสนับสนุนจากไทย 3 โครงการ ซึ่ง 2 โครงการเบิกจ่ายงบประมาณไปแล้ว ส่วนที่เหลืออีก 1 โครงการยังไม่มีการเบิกจ่ายเงิน โดยประเทศไทยขอสงวนท่าทีโครงการที่เหลือไว้ก่อน ขณะที่การทำหน้าที่ประธานอาเซียนในเวทีการประชุมรัฐมนตรีคลังเอเปกที่สิงคโปร์ ไทยทำหน้าที่เป็นประธานอาเซียนได้เป็นอย่างดี เพราะสมาชิกอาเซียนที่เข้าร่วมประชุมไม่ได้ติดใจปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชาที่เกิดขึ้น เพราะเป็นปัญหาระดับทวิภาคี ขณะเดียวกันไทยยืนยันมาตลอดว่าที่ผ่านมาเป็นผู้ถูกกระทำ
Source: บ้านเมือง วันที่ 17 พฤศจิกายน 2552
3G phones มรดกบาป 3 จี
3G phones มรดกบาป 3 จี
เรื่องที่ผมจั่วหัวไว้ก็เรื่องสุดฮอตประมูลคลื่น 3 จีที่กำลังระอุแดดอยู่ในเวลานี้ หลังคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช. เคาะราคาประมูลเบื้องต้นออกมาแล้ว ซึ่งคงจะสะใจกลุ่มทุนน้อยใหญ่ที่อยากจะกู้ชาติจนน้ำลายสอเป็นแน่! เพราะเคาะไลเซ่นส์แรกเข้าเอาไว้แค่ 4,600-5,200 ล้านบาทเท่านั้น
แต่สำหรับเขา “ฮาร์ดคอ” อย่าง “ดร.สมเกียรติ” แห่งทีดีอาร์ไอ หรือ “บักใส” ค่ายแป๊ะยิ้มที่ตั้งเป้าค่าไลเซ่นส์เอาไว้ซะสูงลิ่วนับแสนล้านบาทนั้นคงแน่นจุกอกตายแน่!
เรื่องค่าไลเซ่นส์ 3 จีจะถูกแพงยังไงนั้นคงต้องปล่อยให้เก็บไปคิดกันเองครับ เพราะยังต้องว่ากันอีกหลายยก แต่ที่ผมอยากตั้งข้อสังเกตให้ทุกฝ่ายโดยเฉพาะนายกฯ “มาร์ค” ได้ตระหนักกันไว้ตรงนี้ หากจะถามว่า วันนี้บริษัทสื่อสารจ่ายค่าต๋งให้รัฐกันสักกี่มากน้อยไม่ว่า AIS DTAC หรือ True Move หรือผู้รับสัมปทานรายอื่นๆ
เฉลยให้ก็ได้ เอไอเอสนั้นจ่ายค่าสัมปทานให้รัฐปีละไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท ดีแทค 17,000 ล้านและทรูมูฟก็คงไม่ต่ำกว่าปีละ 5,000 ล้านบาทขึ้นไปครับ เพราะงั้นหากวันนี้แต่ละรายค่าไลเช่นส์แรกเข้า 3 จีไปเลย 10,000 ล้าน หรือ 2-30,000 ล้านบาท แล้วได้คลื่น 3 จีไปครองตลอดชีพ (ไม่ใช่แค่ 15-20 ปี) อย่างสัมปทานเดิมมันคุ้มกันหรือไม่
ไม่ต้องใช้หัวสมองคิดให้เปลืองหรอกครับ เอาหัวแม่…(เท้า) คิดแทนก็ยังได้! มันก็อีหรอบเดียวกับที่กระทรวงอุตสาหกรรมประมูลโรงเหล้าเสรีให้ “เจ้าพ่อน้ำเมา” เหมาไปเมื่อ 10 ปีก่อนนั่นแหละ ผลเป็นยังไง ตลาดเหล้าเสรีวันนี้เป็นยังไงก็ดูกันเอาเองเถอะพี่น้องเอ้ย!
แต่เรื่องนี้จะไปโทษ กทช.ไม่เห็นแก่ประโยชน์ชาติสมคบคิดกับบริษัทเอกชนซูเอี๋ยปล้นชาติก็ไม่ได้ เพราะต้องดูด้วยว่ากฎหมายจัดตั้ง กทช.เขามีอำนาจมากน้อยแค่ไหน จะให้ไปกำหนดค่าต๋งสัมปทานกันเป็น 10,000 ล้านหรือเป็นแสนล้วนอย่างที่นักวิชาการไดโนเสาร์เสนอมานั้น
ขอโทษเถอะ! ทำธุรกิจบ้าอะไรมันจะจ่ายค่าสัมปทานแรกเข้ากันได้อักโขซะขนาดนั้น ขนาดเคาะราคาแต่ 10,000 ล้าน ทุนสื่อสารบ้านเรายังร้องกระจองอแงโร่ไปฟ้อง “ป๋าเทือก” ว่าถูกรังแกอยู่เลยไม่ใช่หรือ ไหนจะต้องหาเงินมาลงทุนอีกกันเป็นหมื่นล้านอีก!
ผมอยากจะฟันธงไว้ตรงนี้ครับ ต้นเหตุที่ทำให้ทิศทางโทรคมนาคมบ้านเราและโดยเฉพาะ 3 จี มันเข้ารกเข้าพงทำท่าจะถูกหวยแจ็กพอตกันยกใหญ่นั้น ก็ล้วนมาจากมรดกที่ผิดพลาดอันใหญ่หลวงของพวกเราที่ดันไปได้รัฐบาล “ขิงเน่าเต่าง่อย” มาเป็นรัฐบาลเมื่อ 2-3 ปีก่อนนั้นแหละ!
ต้นเหตุที่ทำให้บริษัทสื่อสารทั้งหลายทำท่าจะถูกหวย “แจ๊กพ็อต” กันถ้วนหน้ากับการประมูลคลื่น 3 จี ที่ผมว่าเป็นมรดกที่ผิดพลาดจากการที่เราไปได้ข้าราชการเป็ดง่าย นักวิชาการ และนักกฎหมายไดโนเสาร์ที่ไม่เคยรู้เรื่องกิจการโทรคมนาคมมาบริหารประเทศและลุยกำถั่วนโยบายโทรคมนาคมที่มันยุ่งยากสลับซับซ้อน
ผลพวงมันจึงมาลงเอยเอาที่การประมูล 3 จี ในวันนี้ไงครับ!
ผมขอนำข้อมูลเก่าที่ผมเขียนแปะข้างฝาเอาไว้ในคอลัมน์นี้ตั้งแต่ 16 พฤษภาคม 50 มาให้อ่านกันอีกหนครับเพราะมันเกี่ยวพันกับการประมูล 3 จี ที่กำลังจะมีขึ้นนี้ และโดยเฉพาะ คุณกล้านรงค์ จันทิก กับ อาจารย์ แก้วสรร อติโพธิ เลขานุการ คตส.ชุดประวัติศาสตร์นั้น ท่านควรตั้งใจอ่านกันให้ดีๆ นะครับว่าผมเขียนไว้อย่างไร
“เหตุผลในการชักค่าต๋งสัมปทานแปลงมาเป็นภาษีสรรพสามิตนั้น รัฐบาลเก่า (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) เขาไม่ได้คิดและมองอะไรตื้นๆ อย่างที่พวกท่านมองกันหรอกครับ แต่เพราะเห็นว่าในอนาคต 5-7 ปีข้างหน้าหลังสัญญาสัมปทานเหล่านี้สิ้นสุดลง ค่าต๋งเป็นหมื่นล้านที่หน่วยงานรัฐเคยได้รับเป็น “เสือนอนกิน” จะหมดไป
ต่อไปบริษัทสื่อสารจ่ายแค่ค่าธรรมเนียม 7-8% ให้ กทช. ก็เปิดให้บริการโทรคมนาคมได้เผลอๆ ไม่ต้องรอถึง 3 ปี 5 ปีหรอก เพราะตอนนี้หลายบริษัทก็ดอดไปขอไลเซ่นส์ใหม่กันเป็นพรวนแล้วอีกปีสองปีข้าวหน้าก็ไม่เหลือซากอะไรให้รัฐเก็บเกี่ยวค่าต๋งกันแล้วครับพี่น้อง!
นี่ต่างหากที่ทำให้รัฐบาลชุดก่อนรีบชิงออก พ.ร.ก.เก็บภาษีสรรพสามิตโทรคมนาคม ซึ่งนอกจากจะทำให้รัฐยังคงมีรายได้จากเม็ดเงินภาษีแล้ว การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตที่จัดเก็บเป็นรายเดือนรัฐยังแก้ปัญหาถึงแตกชักหน้าไม่ถึงหลังได้อีก แถมเม็ดเงินภาษีที่ได้นั้นยังเต็มเม็ดเต็มหน่วย
เพราะไล่เก็บจากทุกบริษัทไม่ว่าจะมีสัมปทานหรือไม่ก็ตาม
ก็ไม่เพราะรัฐบาล คมช.ที่ซื่อบื้อไปยกเลิกภาษีตัวนี้หรอกหรือ ถึงทำให้วันนี้กระทรวงการคลังถึงชักหน้าไม่ถึงหลัง ถึงกับมีหนังสืออ้อนให้ 2 หน่วยงาน คือ บริษัททีโอทีและบริษัท กสท โทรคมนาคมช่วยส่งค้าต๋งเป็นรายเดือนแบบเดิมให้อยู่นี้
เรื่องทุเรศแบบนี้ ผมเชื่อว่าหากรัฐบาลใหม่เข้ามาคงไม่ปล่อยให้ ครม. “ขิงเน่า-เต่าง่อย” ชุดนี้ลอยชายไปได้แน่ มีอย่างที่ไหนทำเม็ดเงินรัฐหล่นหายไปนับหมื่นล้านในกรณี “หวยบนดิน” ไม่พอ ยังทำเรื่องงี่เง่าซ้ำสอง ทำเม็ดเงินภาษีสรรพสามิตโทรคมนาคมหายไปนับหมื่นล้านต่อปีเข้าไปอีก”
ที่ผมต้องหยิบยกข้อเขียนเก่าข้างต้นกลับมาเตือนความจำพวกเรากันอีกครั้ง ก็เพราะว่ามันเกี่ยวพันกับการประมูลคลื่น 3 จีที่ว่านี้ เพราะหากรัฐบาลชุดก่อนไม่ซื้อบื้อไปยกเลิกภาษีสรรพสามิตโทรคมนาคมทิ้งไป ต่อให้วันนี้รัฐได้ค่าไลเซ่นส์ 3 จี จากบริษัทสื่อสารที่จะประมูลกันแค่ 5,000-10,000 ล้านบาท รัฐก็จะไม่เสียเปรียบใดๆ
เพราะผู้ประกอบการเหล่านี้ยังคงมีหน้าที่ต้องไปเสียภาษีสรรพสามิต โทรคมนาคมอีกต่อไปอัตรา 2% สำหรับโทรพื้นฐาน และ 10% สำหรับมือถือ ทั้งยังอาจปรับเพดานภาษีตัวนี้ขึ้นไปเป็น 10% และ 20% ได้อีกในอนาคต เพื่อชดเชยค่าต๋งค่าสัมปทานที่จะหมดลงในอนาคตอีกด้วย!
เมื่อไร้กฎหมายตัวนี้ รัฐบาลจึงไม่มีเครื่องไม้เครื่องมืออื่นใดจะไปไล่เบี้ยเก็บค่าต๋งที่มันจะหดหายไปได้ผมจึงได้ตอกย้ำมาโดยตลอดไงครับว่า เป็นความโชคร้ายของประเทศเราที่ได้รัฐบาล “ขิงเน่า-เต่าง่อย” ได้อดีตข้าราชการเป็ดง่อย นักวิชาการไดโนเสาร์มาบริหารประเทศจริงๆ
ก็เหมือนเด็ก “สุดโค้ย” ที่เผาบ้านไล่จับหนูจนวายวอดไปนั่นแหละ นี่ก็กำลังดอดไปเผาเพื่อนบ้านไล่จับหนูตัวเก่านั้นอีกแล้วครับ!!!–จบ–
3G phones มรดกบาป 3 จี
โดย..เนตรทิพย์ / ที่มา.นสพ.ไทยรัฐ
เรื่องที่ผมจั่วหัวไว้ก็เรื่องสุดฮอตประมูลคลื่น 3 จีที่กำลังระอุแดดอยู่ในเวลานี้ หลังคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช. เคาะราคาประมูลเบื้องต้นออกมาแล้ว ซึ่งคงจะสะใจกลุ่มทุนน้อยใหญ่ที่อยากจะกู้ชาติจนน้ำลายสอเป็นแน่! เพราะเคาะไลเซ่นส์แรกเข้าเอาไว้แค่ 4,600-5,200 ล้านบาทเท่านั้น
แต่สำหรับเขา “ฮาร์ดคอ” อย่าง “ดร.สมเกียรติ” แห่งทีดีอาร์ไอ หรือ “บักใส” ค่ายแป๊ะยิ้มที่ตั้งเป้าค่าไลเซ่นส์เอาไว้ซะสูงลิ่วนับแสนล้านบาทนั้นคงแน่นจุกอกตายแน่!
เรื่องค่าไลเซ่นส์ 3 จีจะถูกแพงยังไงนั้นคงต้องปล่อยให้เก็บไปคิดกันเองครับ เพราะยังต้องว่ากันอีกหลายยก แต่ที่ผมอยากตั้งข้อสังเกตให้ทุกฝ่ายโดยเฉพาะนายกฯ “มาร์ค” ได้ตระหนักกันไว้ตรงนี้ หากจะถามว่า วันนี้บริษัทสื่อสารจ่ายค่าต๋งให้รัฐกันสักกี่มากน้อยไม่ว่า AIS DTAC หรือ True Move หรือผู้รับสัมปทานรายอื่นๆ
เฉลยให้ก็ได้ เอไอเอสนั้นจ่ายค่าสัมปทานให้รัฐปีละไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท ดีแทค 17,000 ล้านและทรูมูฟก็คงไม่ต่ำกว่าปีละ 5,000 ล้านบาทขึ้นไปครับ เพราะงั้นหากวันนี้แต่ละรายค่าไลเช่นส์แรกเข้า 3 จีไปเลย 10,000 ล้าน หรือ 2-30,000 ล้านบาท แล้วได้คลื่น 3 จีไปครองตลอดชีพ (ไม่ใช่แค่ 15-20 ปี) อย่างสัมปทานเดิมมันคุ้มกันหรือไม่
ไม่ต้องใช้หัวสมองคิดให้เปลืองหรอกครับ เอาหัวแม่…(เท้า) คิดแทนก็ยังได้! มันก็อีหรอบเดียวกับที่กระทรวงอุตสาหกรรมประมูลโรงเหล้าเสรีให้ “เจ้าพ่อน้ำเมา” เหมาไปเมื่อ 10 ปีก่อนนั่นแหละ ผลเป็นยังไง ตลาดเหล้าเสรีวันนี้เป็นยังไงก็ดูกันเอาเองเถอะพี่น้องเอ้ย!
แต่เรื่องนี้จะไปโทษ กทช.ไม่เห็นแก่ประโยชน์ชาติสมคบคิดกับบริษัทเอกชนซูเอี๋ยปล้นชาติก็ไม่ได้ เพราะต้องดูด้วยว่ากฎหมายจัดตั้ง กทช.เขามีอำนาจมากน้อยแค่ไหน จะให้ไปกำหนดค่าต๋งสัมปทานกันเป็น 10,000 ล้านหรือเป็นแสนล้วนอย่างที่นักวิชาการไดโนเสาร์เสนอมานั้น
ขอโทษเถอะ! ทำธุรกิจบ้าอะไรมันจะจ่ายค่าสัมปทานแรกเข้ากันได้อักโขซะขนาดนั้น ขนาดเคาะราคาแต่ 10,000 ล้าน ทุนสื่อสารบ้านเรายังร้องกระจองอแงโร่ไปฟ้อง “ป๋าเทือก” ว่าถูกรังแกอยู่เลยไม่ใช่หรือ ไหนจะต้องหาเงินมาลงทุนอีกกันเป็นหมื่นล้านอีก!
ผมอยากจะฟันธงไว้ตรงนี้ครับ ต้นเหตุที่ทำให้ทิศทางโทรคมนาคมบ้านเราและโดยเฉพาะ 3 จี มันเข้ารกเข้าพงทำท่าจะถูกหวยแจ็กพอตกันยกใหญ่นั้น ก็ล้วนมาจากมรดกที่ผิดพลาดอันใหญ่หลวงของพวกเราที่ดันไปได้รัฐบาล “ขิงเน่าเต่าง่อย” มาเป็นรัฐบาลเมื่อ 2-3 ปีก่อนนั้นแหละ!
ต้นเหตุที่ทำให้บริษัทสื่อสารทั้งหลายทำท่าจะถูกหวย “แจ๊กพ็อต” กันถ้วนหน้ากับการประมูลคลื่น 3 จี ที่ผมว่าเป็นมรดกที่ผิดพลาดจากการที่เราไปได้ข้าราชการเป็ดง่าย นักวิชาการ และนักกฎหมายไดโนเสาร์ที่ไม่เคยรู้เรื่องกิจการโทรคมนาคมมาบริหารประเทศและลุยกำถั่วนโยบายโทรคมนาคมที่มันยุ่งยากสลับซับซ้อน
ผลพวงมันจึงมาลงเอยเอาที่การประมูล 3 จี ในวันนี้ไงครับ!
ผมขอนำข้อมูลเก่าที่ผมเขียนแปะข้างฝาเอาไว้ในคอลัมน์นี้ตั้งแต่ 16 พฤษภาคม 50 มาให้อ่านกันอีกหนครับเพราะมันเกี่ยวพันกับการประมูล 3 จี ที่กำลังจะมีขึ้นนี้ และโดยเฉพาะ คุณกล้านรงค์ จันทิก กับ อาจารย์ แก้วสรร อติโพธิ เลขานุการ คตส.ชุดประวัติศาสตร์นั้น ท่านควรตั้งใจอ่านกันให้ดีๆ นะครับว่าผมเขียนไว้อย่างไร
“เหตุผลในการชักค่าต๋งสัมปทานแปลงมาเป็นภาษีสรรพสามิตนั้น รัฐบาลเก่า (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) เขาไม่ได้คิดและมองอะไรตื้นๆ อย่างที่พวกท่านมองกันหรอกครับ แต่เพราะเห็นว่าในอนาคต 5-7 ปีข้างหน้าหลังสัญญาสัมปทานเหล่านี้สิ้นสุดลง ค่าต๋งเป็นหมื่นล้านที่หน่วยงานรัฐเคยได้รับเป็น “เสือนอนกิน” จะหมดไป
ต่อไปบริษัทสื่อสารจ่ายแค่ค่าธรรมเนียม 7-8% ให้ กทช. ก็เปิดให้บริการโทรคมนาคมได้เผลอๆ ไม่ต้องรอถึง 3 ปี 5 ปีหรอก เพราะตอนนี้หลายบริษัทก็ดอดไปขอไลเซ่นส์ใหม่กันเป็นพรวนแล้วอีกปีสองปีข้าวหน้าก็ไม่เหลือซากอะไรให้รัฐเก็บเกี่ยวค่าต๋งกันแล้วครับพี่น้อง!
นี่ต่างหากที่ทำให้รัฐบาลชุดก่อนรีบชิงออก พ.ร.ก.เก็บภาษีสรรพสามิตโทรคมนาคม ซึ่งนอกจากจะทำให้รัฐยังคงมีรายได้จากเม็ดเงินภาษีแล้ว การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตที่จัดเก็บเป็นรายเดือนรัฐยังแก้ปัญหาถึงแตกชักหน้าไม่ถึงหลังได้อีก แถมเม็ดเงินภาษีที่ได้นั้นยังเต็มเม็ดเต็มหน่วย
เพราะไล่เก็บจากทุกบริษัทไม่ว่าจะมีสัมปทานหรือไม่ก็ตาม
ก็ไม่เพราะรัฐบาล คมช.ที่ซื่อบื้อไปยกเลิกภาษีตัวนี้หรอกหรือ ถึงทำให้วันนี้กระทรวงการคลังถึงชักหน้าไม่ถึงหลัง ถึงกับมีหนังสืออ้อนให้ 2 หน่วยงาน คือ บริษัททีโอทีและบริษัท กสท โทรคมนาคมช่วยส่งค้าต๋งเป็นรายเดือนแบบเดิมให้อยู่นี้
เรื่องทุเรศแบบนี้ ผมเชื่อว่าหากรัฐบาลใหม่เข้ามาคงไม่ปล่อยให้ ครม. “ขิงเน่า-เต่าง่อย” ชุดนี้ลอยชายไปได้แน่ มีอย่างที่ไหนทำเม็ดเงินรัฐหล่นหายไปนับหมื่นล้านในกรณี “หวยบนดิน” ไม่พอ ยังทำเรื่องงี่เง่าซ้ำสอง ทำเม็ดเงินภาษีสรรพสามิตโทรคมนาคมหายไปนับหมื่นล้านต่อปีเข้าไปอีก”
ที่ผมต้องหยิบยกข้อเขียนเก่าข้างต้นกลับมาเตือนความจำพวกเรากันอีกครั้ง ก็เพราะว่ามันเกี่ยวพันกับการประมูลคลื่น 3 จีที่ว่านี้ เพราะหากรัฐบาลชุดก่อนไม่ซื้อบื้อไปยกเลิกภาษีสรรพสามิตโทรคมนาคมทิ้งไป ต่อให้วันนี้รัฐได้ค่าไลเซ่นส์ 3 จี จากบริษัทสื่อสารที่จะประมูลกันแค่ 5,000-10,000 ล้านบาท รัฐก็จะไม่เสียเปรียบใดๆ
เพราะผู้ประกอบการเหล่านี้ยังคงมีหน้าที่ต้องไปเสียภาษีสรรพสามิต โทรคมนาคมอีกต่อไปอัตรา 2% สำหรับโทรพื้นฐาน และ 10% สำหรับมือถือ ทั้งยังอาจปรับเพดานภาษีตัวนี้ขึ้นไปเป็น 10% และ 20% ได้อีกในอนาคต เพื่อชดเชยค่าต๋งค่าสัมปทานที่จะหมดลงในอนาคตอีกด้วย!
เมื่อไร้กฎหมายตัวนี้ รัฐบาลจึงไม่มีเครื่องไม้เครื่องมืออื่นใดจะไปไล่เบี้ยเก็บค่าต๋งที่มันจะหดหายไปได้ผมจึงได้ตอกย้ำมาโดยตลอดไงครับว่า เป็นความโชคร้ายของประเทศเราที่ได้รัฐบาล “ขิงเน่า-เต่าง่อย” ได้อดีตข้าราชการเป็ดง่อย นักวิชาการไดโนเสาร์มาบริหารประเทศจริงๆ
ก็เหมือนเด็ก “สุดโค้ย” ที่เผาบ้านไล่จับหนูจนวายวอดไปนั่นแหละ นี่ก็กำลังดอดไปเผาเพื่อนบ้านไล่จับหนูตัวเก่านั้นอีกแล้วครับ!!!–จบ–
3G phones มรดกบาป 3 จี
โดย..เนตรทิพย์ / ที่มา.นสพ.ไทยรัฐ
3G phones “จินตนาการของสังคมยุคข้อมูลข่าวสารกับ 3 จี”
3G phones “จินตนาการของสังคมยุคข้อมูลข่าวสารกับ 3 จี”
“จินตนาการของสังคมยุคข้อมูลข่าวสารกับ 3 จี”
By pijitra
ได้เห็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการประมูลสัมปทาน 3 จี อยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์มาหลายสัปดาห์ ซึ่งบ่งบอกให้เห็นว่าประเทศไทย ภายในการกำกับของรัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของความพยายามในการนำเอาสินทรัพย์ของชาติ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีการสื่อสารมาเป็นตัวแปรในการทำเงิน อัดฉีดเศรษฐกิจที่กำลังซบเซาให้เฟื่องฟูขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ด้วยพลังของการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยี
แน่นอนว่า หากจะมีอะไรดลบันดาลใจให้ประเทศไทยเปลี่ยนผ่านจาก 2 จี เป็น 3 จี ในปีนี้หรือปีหน้านั้น คงจะไม่ทำให้คนไทยเรามีความทันสมัยขึ้นในพริบตา หรือมีความศิวิไลซ์ ล้ำหน้าประเทศอื่นๆ ในโลกได้อย่างฉับพลัน เพราะลำพังแค่เรื่องการออกสัมปทาน เราก็เชื่องช้า ล้าหลังกว่าประเทศต่างๆ ทั่วโลกไปหลายปีแล้ว ดังนั้นคำตอบของ 3 จี ในเรื่องความอินเทรนด์ ทันสมัยจึงไม่ใช่ประเด็น
ประเด็นคงอยู่ที่การนำเอาสินทรัพย์ดังกล่าวมากระตุ้นให้เกิดการลงทุน ขยับขยายฐานการทำเงินของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน (รวมถึงนักการเมืองผู้คุมนโยบาย) ให้เกิดขึ้นในเร็ววัน โดยหวังว่าหากสัมปทานคลอด รัฐบาลก็สามารถส่งไม้ต่อให้กับภาคเอกชนในการลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจ และทำให้เกิดเครือข่ายการสร้างธุรกิจ และสร้างงานใหม่ๆ ตามแต่ศักยภาพของเทคโนโลยีจะเอื้ออำนวย
เห็นได้ชัดว่า องค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี 3 จีนั้นจะจำกัดอยู่กับเฉพาะกลุ่มกูรู และผู้รู้ที่ติดตามเทคโนโลยีดังกล่าวเท่านั้น ซึ่งกลุ่มกูรูเหล่านี้เองมักจะเป็นกลุ่มคนที่ข้องเกี่ยวกับอุตสาหกรรม 3 จี และมักจะหยิบยื่นภาพฝันให้กับผู้บริโภค จากการมีเทคโนโลยีเหล่านี้อยู่ในมือ ดังเช่น จากบทความในคอลัมน์ “Friday application” ของคุณสมสกุล เผ่าจินดามุข ในกรุงเทพธุรกิจ ที่ระบุถึง การรายงานเกี่ยวกับเทคโนโลยี 3 จี โดยบริษัทวิเคราะห์เศรษฐกิจและการเงินอย่าง LECG หรือโดยองค์การระหว่างประเทศอย่างธนาคารโลก ว่า มักจะมีการสาธยายอรรถประโยชน์ที่เกิดแก่ผู้บริโภคในเชิง “สุขภาวะ” (Well-being) เป็นที่ตั้ง ดังเช่นการให้ภาพฝันว่าเทคโนโลยีดังกล่าว จะช่วยให้ผู้ด้อยโอกาสในประเทศโลกที่สามสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ประหนึ่งนักลงทุนในวอลล์สตรีท ดังเช่นการให้ตัวอย่างของชาวนาหรือเกษตรกรในประเทศกำลังพัฒนา ที่ใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อรับฟังข่าวราคาพืชผล หรือตัวเลขการซื้อขายสินค้าเกษตรได้อย่างทันท่วงที ซึ่งคุณสมสกุลก็ได้สรุปถึงความเพ้อเจ้อของธนาคารโลก ที่ตะบี้ตะบันเป็นกระบอกเสียงให้กลุ่มทุน จนนำเสนอภาพฝันให้กับผู้บริโภคแบบไม่ลืมหูลืมตา
ดังนั้น หากกลับมาวิเคราะห์ถึงกระบวนการออกสัมปทาน 3 จีในประเทศเราแล้ว จะพบว่าในฐานะที่เราไม่ได้เป็นหนูทดลองเจ้าแรกในอุตสาหกรรมนี้ เราจึงสามารถเรียนรู้ความผิดพลาดของตลาด 3 จี พร้อมกับเคลียร์ภาพฝันๆ ดังกล่าวให้กลับเข้ามาสู่ความเป็นจริงที่ชัดเจนขึ้นได้ นั่นคือ
1. ภาพฝันของการทำเงินใน 3 จี : การเติบโตในธุรกิจโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่นที่ 3 นี้ จะไม่ทำเงินแบบก้าวกระโดดเหมือนกับที่เคยทำใน 2 จี เนื่องจากมูลค่าเพิ่มของโครงข่าย 3 จีนั้น ขึ้นอยู่กับเนื้อหา (Content) และข้อมูล (Data) เป็นหลัก ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจโครงข่ายจำเป็นต้องเชื่อมโยง และพึ่งพากับอุตสาหกรรมอื่นๆ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ผลิตเนื้อหาสื่อ (Content providers) ดังนั้น อุตสาหกรรม 3 จี จะมีช่วงเปลี่ยนผ่านใน 3-4 ปีแรก ซึ่งจะยังไม่สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในแง่ของการเติบโตทางตลาดมากนัก ทั้งนี้ เมื่อประกอบกับพฤติกรรมการใช้งานข้อมูลของผู้บริโภคคนไทย ที่ยังไม่ถึง 30% ของการใช้บริการทั้งหมด ก็ยิ่งทำให้ภาพฝันในการทำเงินแบบก้าวกระโดดชะงักลง จากบทเรียนของหลายๆ ประเทศ พบว่าความคาดหวังอย่างเหลือล้นของการทำเงินในธุรกิจ 3 จีแบบก้าวกระโดดนี้เอง เกือบทำให้บริษัทโทรศัพท์เคลื่อนที่หลายๆ รายต้องล้มละลายไป เนื่องจากการคาดเดาที่ผิดๆ คิดว่า 3 จีจะทำเงินจนนำไปสู่ปรากฏการณ์ของการประมูลสัมปทานในราคาแพงหูฉี่ในหลายๆ ประเทศในยุโรป
อย่างไรก็ตาม พบว่าการเติบโตในธุรกิจนี้น่าจะเป็นไปอย่างช้าๆ แต่ต่อเนื่อง โดยในช่วงแรกของการเปิดตัวคงจะเน้นที่การใช้ 3 จี ในฐานะของการเป็นโครงข่ายอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือ (mobile internet) หรือการใช้ 3 จีกับเครื่องโน้ตบุ๊ค เพื่อเข้าถึงบรอดแบนด์เคลื่อนที่ (mobile broadband) ไปก่อน และหลังจากนั้น ก็จะนำไปสู่การแสวงหากำไรจากการเข้าถึงเนื้อหาที่หลากหลายขึ้น
2. ภาพฝันของการสร้างโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร : การเกิดขึ้นของ 3 จีนี้มักจะหยิบยื่นจินตนาการของการสร้างชีวิตที่ดีขึ้นให้กับกลุ่มผู้ใช้ โดยเฉพาะการเข้าถึงโครงข่ายอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ในแบบทุกที่ทุกเวลา และการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ ทรงคุณค่าอันนำพาคนในประเทศไปสู่ความศิวิไลซ์ แบบก้าวกระโดดนั้น ดูเหมือนจะเป็นภาพฝันที่เลื่อนลอย เนื่องจากการเปลี่ยนเทคโนโลยีทำง่าย แต่การเปลี่ยนพฤติกรรมและวิธีคิดของคนทำยาก ทั้งนี้ เทคโนโลยีเป็นเพียงวัตถุที่ใส่เข้ามาเป็นเปลือกให้ดูเหมือนว่าเราจะเจริญ ทัดเทียมกับนานาอารยะได้ แต่หากพฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีของคนในประเทศนั้นๆ ไม่ได้นำไปสู่การใช้ข้อมูลที่เอื้อประโยชน์ให้คุณภาพชีวิตของผู้คนดีขึ้น เทคโนโลยีนั้นๆ ก็ไม่ต่างกับเครื่องมือที่ช่วยตอกย้ำความด้อยพัฒนาแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ซึ่งก็เหมือนๆ กับที่เกิดขึ้นกับบ้านเรา ที่ผู้นำใช้เทคโนโลยีสื่อ โฟนอิน บนฐานของผลประโยชน์ส่วนตัว หรือประชาชนคนทั่วไปใช้เทคโนโลยีสื่อในการสาดโคลน ถ่ายคลิป สร้างภาพอนาจารให้กับผู้อื่นบนพื้นที่สาธารณะ เป็นต้น
ดังนั้น ภาพฝันของการที่ 3 จี จะเป็นเทคโนโลยีสื่ออีกตัวในการสร้างสังคมความรู้ ที่จะทำให้เมืองไทยศิวิไลซ์แบบก้าวกระโดดนั้นคงต้องเก็บพับไป เพราะหากเรายังไม่ปรับพฤติกรรมการใช้สื่อให้ทันสมัยตามความล้ำของเทคโนโลยี เนื้อหาใน 3 จีคงจะหนีไม่พ้นเกม การพนัน และคลิปอนาจาร ที่อัพโหลดได้เร็วขึ้นในแบบทุกที่ทุกเวลาแทน
3G phones “จินตนาการของสังคมยุคข้อมูลข่าวสารกับ 3 จี”
“จินตนาการของสังคมยุคข้อมูลข่าวสารกับ 3 จี”
By pijitra
ได้เห็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการประมูลสัมปทาน 3 จี อยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์มาหลายสัปดาห์ ซึ่งบ่งบอกให้เห็นว่าประเทศไทย ภายในการกำกับของรัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของความพยายามในการนำเอาสินทรัพย์ของชาติ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีการสื่อสารมาเป็นตัวแปรในการทำเงิน อัดฉีดเศรษฐกิจที่กำลังซบเซาให้เฟื่องฟูขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ด้วยพลังของการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยี
แน่นอนว่า หากจะมีอะไรดลบันดาลใจให้ประเทศไทยเปลี่ยนผ่านจาก 2 จี เป็น 3 จี ในปีนี้หรือปีหน้านั้น คงจะไม่ทำให้คนไทยเรามีความทันสมัยขึ้นในพริบตา หรือมีความศิวิไลซ์ ล้ำหน้าประเทศอื่นๆ ในโลกได้อย่างฉับพลัน เพราะลำพังแค่เรื่องการออกสัมปทาน เราก็เชื่องช้า ล้าหลังกว่าประเทศต่างๆ ทั่วโลกไปหลายปีแล้ว ดังนั้นคำตอบของ 3 จี ในเรื่องความอินเทรนด์ ทันสมัยจึงไม่ใช่ประเด็น
ประเด็นคงอยู่ที่การนำเอาสินทรัพย์ดังกล่าวมากระตุ้นให้เกิดการลงทุน ขยับขยายฐานการทำเงินของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน (รวมถึงนักการเมืองผู้คุมนโยบาย) ให้เกิดขึ้นในเร็ววัน โดยหวังว่าหากสัมปทานคลอด รัฐบาลก็สามารถส่งไม้ต่อให้กับภาคเอกชนในการลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจ และทำให้เกิดเครือข่ายการสร้างธุรกิจ และสร้างงานใหม่ๆ ตามแต่ศักยภาพของเทคโนโลยีจะเอื้ออำนวย
เห็นได้ชัดว่า องค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี 3 จีนั้นจะจำกัดอยู่กับเฉพาะกลุ่มกูรู และผู้รู้ที่ติดตามเทคโนโลยีดังกล่าวเท่านั้น ซึ่งกลุ่มกูรูเหล่านี้เองมักจะเป็นกลุ่มคนที่ข้องเกี่ยวกับอุตสาหกรรม 3 จี และมักจะหยิบยื่นภาพฝันให้กับผู้บริโภค จากการมีเทคโนโลยีเหล่านี้อยู่ในมือ ดังเช่น จากบทความในคอลัมน์ “Friday application” ของคุณสมสกุล เผ่าจินดามุข ในกรุงเทพธุรกิจ ที่ระบุถึง การรายงานเกี่ยวกับเทคโนโลยี 3 จี โดยบริษัทวิเคราะห์เศรษฐกิจและการเงินอย่าง LECG หรือโดยองค์การระหว่างประเทศอย่างธนาคารโลก ว่า มักจะมีการสาธยายอรรถประโยชน์ที่เกิดแก่ผู้บริโภคในเชิง “สุขภาวะ” (Well-being) เป็นที่ตั้ง ดังเช่นการให้ภาพฝันว่าเทคโนโลยีดังกล่าว จะช่วยให้ผู้ด้อยโอกาสในประเทศโลกที่สามสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ประหนึ่งนักลงทุนในวอลล์สตรีท ดังเช่นการให้ตัวอย่างของชาวนาหรือเกษตรกรในประเทศกำลังพัฒนา ที่ใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อรับฟังข่าวราคาพืชผล หรือตัวเลขการซื้อขายสินค้าเกษตรได้อย่างทันท่วงที ซึ่งคุณสมสกุลก็ได้สรุปถึงความเพ้อเจ้อของธนาคารโลก ที่ตะบี้ตะบันเป็นกระบอกเสียงให้กลุ่มทุน จนนำเสนอภาพฝันให้กับผู้บริโภคแบบไม่ลืมหูลืมตา
ดังนั้น หากกลับมาวิเคราะห์ถึงกระบวนการออกสัมปทาน 3 จีในประเทศเราแล้ว จะพบว่าในฐานะที่เราไม่ได้เป็นหนูทดลองเจ้าแรกในอุตสาหกรรมนี้ เราจึงสามารถเรียนรู้ความผิดพลาดของตลาด 3 จี พร้อมกับเคลียร์ภาพฝันๆ ดังกล่าวให้กลับเข้ามาสู่ความเป็นจริงที่ชัดเจนขึ้นได้ นั่นคือ
1. ภาพฝันของการทำเงินใน 3 จี : การเติบโตในธุรกิจโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่นที่ 3 นี้ จะไม่ทำเงินแบบก้าวกระโดดเหมือนกับที่เคยทำใน 2 จี เนื่องจากมูลค่าเพิ่มของโครงข่าย 3 จีนั้น ขึ้นอยู่กับเนื้อหา (Content) และข้อมูล (Data) เป็นหลัก ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจโครงข่ายจำเป็นต้องเชื่อมโยง และพึ่งพากับอุตสาหกรรมอื่นๆ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ผลิตเนื้อหาสื่อ (Content providers) ดังนั้น อุตสาหกรรม 3 จี จะมีช่วงเปลี่ยนผ่านใน 3-4 ปีแรก ซึ่งจะยังไม่สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในแง่ของการเติบโตทางตลาดมากนัก ทั้งนี้ เมื่อประกอบกับพฤติกรรมการใช้งานข้อมูลของผู้บริโภคคนไทย ที่ยังไม่ถึง 30% ของการใช้บริการทั้งหมด ก็ยิ่งทำให้ภาพฝันในการทำเงินแบบก้าวกระโดดชะงักลง จากบทเรียนของหลายๆ ประเทศ พบว่าความคาดหวังอย่างเหลือล้นของการทำเงินในธุรกิจ 3 จีแบบก้าวกระโดดนี้เอง เกือบทำให้บริษัทโทรศัพท์เคลื่อนที่หลายๆ รายต้องล้มละลายไป เนื่องจากการคาดเดาที่ผิดๆ คิดว่า 3 จีจะทำเงินจนนำไปสู่ปรากฏการณ์ของการประมูลสัมปทานในราคาแพงหูฉี่ในหลายๆ ประเทศในยุโรป
อย่างไรก็ตาม พบว่าการเติบโตในธุรกิจนี้น่าจะเป็นไปอย่างช้าๆ แต่ต่อเนื่อง โดยในช่วงแรกของการเปิดตัวคงจะเน้นที่การใช้ 3 จี ในฐานะของการเป็นโครงข่ายอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือ (mobile internet) หรือการใช้ 3 จีกับเครื่องโน้ตบุ๊ค เพื่อเข้าถึงบรอดแบนด์เคลื่อนที่ (mobile broadband) ไปก่อน และหลังจากนั้น ก็จะนำไปสู่การแสวงหากำไรจากการเข้าถึงเนื้อหาที่หลากหลายขึ้น
2. ภาพฝันของการสร้างโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร : การเกิดขึ้นของ 3 จีนี้มักจะหยิบยื่นจินตนาการของการสร้างชีวิตที่ดีขึ้นให้กับกลุ่มผู้ใช้ โดยเฉพาะการเข้าถึงโครงข่ายอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ในแบบทุกที่ทุกเวลา และการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ ทรงคุณค่าอันนำพาคนในประเทศไปสู่ความศิวิไลซ์ แบบก้าวกระโดดนั้น ดูเหมือนจะเป็นภาพฝันที่เลื่อนลอย เนื่องจากการเปลี่ยนเทคโนโลยีทำง่าย แต่การเปลี่ยนพฤติกรรมและวิธีคิดของคนทำยาก ทั้งนี้ เทคโนโลยีเป็นเพียงวัตถุที่ใส่เข้ามาเป็นเปลือกให้ดูเหมือนว่าเราจะเจริญ ทัดเทียมกับนานาอารยะได้ แต่หากพฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีของคนในประเทศนั้นๆ ไม่ได้นำไปสู่การใช้ข้อมูลที่เอื้อประโยชน์ให้คุณภาพชีวิตของผู้คนดีขึ้น เทคโนโลยีนั้นๆ ก็ไม่ต่างกับเครื่องมือที่ช่วยตอกย้ำความด้อยพัฒนาแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ซึ่งก็เหมือนๆ กับที่เกิดขึ้นกับบ้านเรา ที่ผู้นำใช้เทคโนโลยีสื่อ โฟนอิน บนฐานของผลประโยชน์ส่วนตัว หรือประชาชนคนทั่วไปใช้เทคโนโลยีสื่อในการสาดโคลน ถ่ายคลิป สร้างภาพอนาจารให้กับผู้อื่นบนพื้นที่สาธารณะ เป็นต้น
ดังนั้น ภาพฝันของการที่ 3 จี จะเป็นเทคโนโลยีสื่ออีกตัวในการสร้างสังคมความรู้ ที่จะทำให้เมืองไทยศิวิไลซ์แบบก้าวกระโดดนั้นคงต้องเก็บพับไป เพราะหากเรายังไม่ปรับพฤติกรรมการใช้สื่อให้ทันสมัยตามความล้ำของเทคโนโลยี เนื้อหาใน 3 จีคงจะหนีไม่พ้นเกม การพนัน และคลิปอนาจาร ที่อัพโหลดได้เร็วขึ้นในแบบทุกที่ทุกเวลาแทน
3G phones “จินตนาการของสังคมยุคข้อมูลข่าวสารกับ 3 จี”
3G phones ทีโอที จับมือกทช. เดินเครื่อง ยูเอสโอเฟส 2 เน้นเข้าถึงอินเทอร์เน็ต
3G phones ทีโอที จับมือกทช. เดินเครื่อง ยูเอสโอเฟส 2 เน้นเข้าถึงอินเทอร์เน็ต
พล.อ.ชูชาติ พรหมพระสิทธิ์ ประธานกทช. กล่าวว่า การดำเนินการจัดทำประกาศโครงการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม (Universal Service Obligation : USO) ระยะที่สอง กทช.ได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ไอทียู) ให้คำปรึกษา ซึ่งประกาศดังกล่าวใช้บังคับแล้วตั้งแต่วันที่ 6 ต.ค.2552
ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายดำเนินงานส่วนหนึ่งมาจากรายได้ 4% ก่อนหักค่าใช้จ่ายของผู้ที่ได้รับใบอนุญาตประเภทที่ 2 และ 3 จำนวน 24 ราย คาดว่าโครงการจะมีวงเงินใช้จ่ายไม่เกินปีละ 4,000 ล้านบาท
นายประสิทธิ์ ประพิณมงคลการ กทช. กล่าวว่า หลังจากนี้อีก 2-3 ปี อุปกรณ์ที่ติดตั้งเพื่อให้บริการโทรศัพท์สาธารณะในโครงการยูเอสโอก็ต้องมีค่าบำรุงรักษา ซึ่งทีโอทีสามารถนำค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษามาลดหย่อนค่าธรรมเนียมใบอนุญาตโทรคมนาคมที่ต้องจ่ายให้ กทช. ได้ โดยการให้บริการโทรคมนาคมขั้นพื้นฐานจะอิงตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปตามกระแสโลก ซึ่งอนาคตอาจนำเทคโนโลยี 3จีมาให้บริการก็ได้
นายวรุธ สุวกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทีโอที กล่าวว่า การดำเนินงานโครงการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงในระยะที่สองจะเน้นการให้บริการด้านอินเทอร์เน็ต
ทีโอที ได้รับอนุมัติแผนงานโครงการยูเอสโอ จาก กทช. เมื่อวันที่ 5 ต.ค.2549 ระยะเวลาโครงการ 3 ปี ซึ่งได้ดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2550 ปัจจุบันโครงการระยะแรกเสร็จแล้ว โดยเน้นการเข้าถึงบริการโทรศัพท์สาธารณะในพื้นที่ห่างไกล ทั้งหมู่บ้าน โรงเรียน และสถานีอนามัย รวมทั้งติดตั้งและให้บริการโทรศัพท์สาธารณะเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้พิการทางการเคลื่อนไหว การมองเห็น และการได้ยิน
พล.อ.ชูชาติ พรหมพระสิทธิ์ ประธานกทช. กล่าวว่า การดำเนินการจัดทำประกาศโครงการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม (Universal Service Obligation : USO) ระยะที่สอง กทช.ได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ไอทียู) ให้คำปรึกษา ซึ่งประกาศดังกล่าวใช้บังคับแล้วตั้งแต่วันที่ 6 ต.ค.2552
ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายดำเนินงานส่วนหนึ่งมาจากรายได้ 4% ก่อนหักค่าใช้จ่ายของผู้ที่ได้รับใบอนุญาตประเภทที่ 2 และ 3 จำนวน 24 ราย คาดว่าโครงการจะมีวงเงินใช้จ่ายไม่เกินปีละ 4,000 ล้านบาท
นายประสิทธิ์ ประพิณมงคลการ กทช. กล่าวว่า หลังจากนี้อีก 2-3 ปี อุปกรณ์ที่ติดตั้งเพื่อให้บริการโทรศัพท์สาธารณะในโครงการยูเอสโอก็ต้องมีค่าบำรุงรักษา ซึ่งทีโอทีสามารถนำค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษามาลดหย่อนค่าธรรมเนียมใบอนุญาตโทรคมนาคมที่ต้องจ่ายให้ กทช. ได้ โดยการให้บริการโทรคมนาคมขั้นพื้นฐานจะอิงตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปตามกระแสโลก ซึ่งอนาคตอาจนำเทคโนโลยี 3จีมาให้บริการก็ได้
นายวรุธ สุวกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทีโอที กล่าวว่า การดำเนินงานโครงการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงในระยะที่สองจะเน้นการให้บริการด้านอินเทอร์เน็ต
ทีโอที ได้รับอนุมัติแผนงานโครงการยูเอสโอ จาก กทช. เมื่อวันที่ 5 ต.ค.2549 ระยะเวลาโครงการ 3 ปี ซึ่งได้ดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2550 ปัจจุบันโครงการระยะแรกเสร็จแล้ว โดยเน้นการเข้าถึงบริการโทรศัพท์สาธารณะในพื้นที่ห่างไกล ทั้งหมู่บ้าน โรงเรียน และสถานีอนามัย รวมทั้งติดตั้งและให้บริการโทรศัพท์สาธารณะเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้พิการทางการเคลื่อนไหว การมองเห็น และการได้ยิน
3G phones “อภิสิทธิ์” ย้ำทีโอทีชะลอลงทุน 3 จี
3G phones “อภิสิทธิ์” ย้ำทีโอทีชะลอลงทุน 3 จี
ยันแผนงานไม่ชัดเจน-มีความเสี่ยง ถามหา”ระนองรักษ์”แจงโครงการ นายกฯอภิสิทธิ์สั่งเบรก “ทีโอที” ขยายมือถือ 3 จีเฟสสอง สั่งเลขาฯ ครม.ส่งมติ ครม. 10 พ.ย. ให้ไอซีที ยืนยันชะลอโครงการอีกรอบ อ้างต้องรอเงื่อนไขการประมูลใบอนุญาต กทช.ก่อน ปธ.บอร์ดทีโอทีระบุชะลอแผนงานส่งผลกระทบองค์กร โบ้ย รมว.ไอซีทีตัดสินใจอีกครั้ง เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ภายหลังการประชุมคณะรัฐมตรี (ครม.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ยืนยันจะให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ดำเนินโครงการขยายโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ระบบ 3 จี ในเฟสสอง วงเงินกว่า 2 หมื่นล้านบาท ว่าได้สั่งการให้สำนักงานเลขาธิการ ครม. ส่งมติที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2552 ส่งให้กระทรวงไอซีที เนื่องจากมติดังกล่าวกำหนดให้ทีโอทีชะลอการลงทุนสร้างโครงข่ายโทรศัพท์มือถือ 3 จีออกไปก่อน จนกว่าคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) จะประกาศเงื่อนไขการประมูลใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม 3 จี และทีโอทีจะต้องรายงานผลกระทบและความเสี่ยงที่จะเกิดจากการเปิดประมูลใบอนุญาต 3 จี ของ กทช. ต่อที่ประชุม ครม.ด้วย ส่วนกรณีกระทรวงไอซีที จะยึดมติ ครม.เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2551 เพื่อเดินหน้าลงทุนสร้างโครงข่าย 3 จีนั้น ทีโอทีต้องตอบคำถามให้ชัดเจนว่า ทีโอทีจะเป็นผู้ให้บริการโครงข่าย (Net work Provider) หรือจะเป็นผู้ให้บริการขายปลีกด้วย เพราะมติ ครม.ดังกล่าวมีมติให้ทีโอทีลงทุนและเป็นผู้ให้บริการโครงข่าย “แต่ขณะนี้ทีโอทีไม่มีความชัดเจนว่าจะเปิดให้บริการแบบขายปลีกหรือจะขายส่ง ดังนั้น ทีโอทีต้องรายงานมาให้ชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งอยากจะถามรัฐมนตรีไอซีที (ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี) เช่นกัน แต่ขณะนี้ก็ไม่อยู่” นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สำหรับการเปิดให้บริการโทรศัพท์มือถือ 3 จี ของทีโอที ในวันที่ 3 ธันวาคม นี้ ทีโอทีสามารถเปิดให้บริการได้ เพราะเป็นการปรับปรุงโครงข่ายเดิมที่ให้บริการอยู่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งเป็นคนละส่วนกัน แต่ในส่วนที่จะลงทุนขยายโครงข่ายให้ทั่วประเทศ ต้องดำเนินการตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน จึงจะสามารถเดินหน้าลงทุนต่อไปได้ เพราะหากลงทุนไปแล้ว แต่ได้รับผลกระทบ ก็ถือว่ามีความเสี่ยงจากการลงทุน ดังนั้นก็ต้องไปทำแผนความเสี่ยงให้รอบคอบ นายธีรวุฒิ บุณยโสภณ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กรณีรัฐบาลให้ชะลอแผนขยายโครงข่าย 3 จีทั่วประเทศ ย่อมส่งผลกระทบต่อทีโอทีอย่างแน่นอน คงต้องให้ ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ เป็นผู้ตอบคำถามและตัดสินใจเรื่องนี้น่าจะดีกว่า ส่วนการเปิดให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3 จีในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลอย่างเป็นทางการ ยังคงเป็นไปตามกำหนดเดิม คือในวันที่ 3 ธันวาคม โดยขณะนี้ทีโอทีได้เริ่มทดลองให้บริการ พร้อมกับติดตั้งอุปกรณ์บนโครงข่ายเดิมเสร็จแล้ว เหลือเพียงเปิดให้บริการเท่านั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ อยู่ระหว่างเดินทางไปต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 17-21 พฤศจิกายน ไปดูงานกับบริษัทซัมซุง ที่ประเทศเกาหลีและญี่ปุ่น โดยมีคณะกรรมการ (บอร์ด) และผู้บริหารระดับสูงของ ทีโอที และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ร่วมเดินทางด้วย โดยระบุว่า เป็นการไปดูงานเกี่ยวกับการให้บริการโทรศัพท์มือถือ 3 จี ซึ่งทั้งในเกาหลีและญี่ปุ่น ถือเป็นต้นแบบและเป็นตลาดใหญ่ของ 3 จี ดังนั้น จึงต้องการไปดูงานการให้บริการ 3 จี ก่อนทีโอทีและ กสท จะเปิดให้บริการ 3 จี อย่างเป็นทางการ
3G phones “อภิสิทธิ์” ย้ำทีโอทีชะลอลงทุน 3 จี
ยันแผนงานไม่ชัดเจน-มีความเสี่ยง ถามหา”ระนองรักษ์”แจงโครงการ นายกฯอภิสิทธิ์สั่งเบรก “ทีโอที” ขยายมือถือ 3 จีเฟสสอง สั่งเลขาฯ ครม.ส่งมติ ครม. 10 พ.ย. ให้ไอซีที ยืนยันชะลอโครงการอีกรอบ อ้างต้องรอเงื่อนไขการประมูลใบอนุญาต กทช.ก่อน ปธ.บอร์ดทีโอทีระบุชะลอแผนงานส่งผลกระทบองค์กร โบ้ย รมว.ไอซีทีตัดสินใจอีกครั้ง เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ภายหลังการประชุมคณะรัฐมตรี (ครม.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ยืนยันจะให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ดำเนินโครงการขยายโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ระบบ 3 จี ในเฟสสอง วงเงินกว่า 2 หมื่นล้านบาท ว่าได้สั่งการให้สำนักงานเลขาธิการ ครม. ส่งมติที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2552 ส่งให้กระทรวงไอซีที เนื่องจากมติดังกล่าวกำหนดให้ทีโอทีชะลอการลงทุนสร้างโครงข่ายโทรศัพท์มือถือ 3 จีออกไปก่อน จนกว่าคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) จะประกาศเงื่อนไขการประมูลใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม 3 จี และทีโอทีจะต้องรายงานผลกระทบและความเสี่ยงที่จะเกิดจากการเปิดประมูลใบอนุญาต 3 จี ของ กทช. ต่อที่ประชุม ครม.ด้วย ส่วนกรณีกระทรวงไอซีที จะยึดมติ ครม.เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2551 เพื่อเดินหน้าลงทุนสร้างโครงข่าย 3 จีนั้น ทีโอทีต้องตอบคำถามให้ชัดเจนว่า ทีโอทีจะเป็นผู้ให้บริการโครงข่าย (Net work Provider) หรือจะเป็นผู้ให้บริการขายปลีกด้วย เพราะมติ ครม.ดังกล่าวมีมติให้ทีโอทีลงทุนและเป็นผู้ให้บริการโครงข่าย “แต่ขณะนี้ทีโอทีไม่มีความชัดเจนว่าจะเปิดให้บริการแบบขายปลีกหรือจะขายส่ง ดังนั้น ทีโอทีต้องรายงานมาให้ชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งอยากจะถามรัฐมนตรีไอซีที (ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี) เช่นกัน แต่ขณะนี้ก็ไม่อยู่” นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สำหรับการเปิดให้บริการโทรศัพท์มือถือ 3 จี ของทีโอที ในวันที่ 3 ธันวาคม นี้ ทีโอทีสามารถเปิดให้บริการได้ เพราะเป็นการปรับปรุงโครงข่ายเดิมที่ให้บริการอยู่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งเป็นคนละส่วนกัน แต่ในส่วนที่จะลงทุนขยายโครงข่ายให้ทั่วประเทศ ต้องดำเนินการตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน จึงจะสามารถเดินหน้าลงทุนต่อไปได้ เพราะหากลงทุนไปแล้ว แต่ได้รับผลกระทบ ก็ถือว่ามีความเสี่ยงจากการลงทุน ดังนั้นก็ต้องไปทำแผนความเสี่ยงให้รอบคอบ นายธีรวุฒิ บุณยโสภณ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กรณีรัฐบาลให้ชะลอแผนขยายโครงข่าย 3 จีทั่วประเทศ ย่อมส่งผลกระทบต่อทีโอทีอย่างแน่นอน คงต้องให้ ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ เป็นผู้ตอบคำถามและตัดสินใจเรื่องนี้น่าจะดีกว่า ส่วนการเปิดให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3 จีในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลอย่างเป็นทางการ ยังคงเป็นไปตามกำหนดเดิม คือในวันที่ 3 ธันวาคม โดยขณะนี้ทีโอทีได้เริ่มทดลองให้บริการ พร้อมกับติดตั้งอุปกรณ์บนโครงข่ายเดิมเสร็จแล้ว เหลือเพียงเปิดให้บริการเท่านั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ อยู่ระหว่างเดินทางไปต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 17-21 พฤศจิกายน ไปดูงานกับบริษัทซัมซุง ที่ประเทศเกาหลีและญี่ปุ่น โดยมีคณะกรรมการ (บอร์ด) และผู้บริหารระดับสูงของ ทีโอที และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ร่วมเดินทางด้วย โดยระบุว่า เป็นการไปดูงานเกี่ยวกับการให้บริการโทรศัพท์มือถือ 3 จี ซึ่งทั้งในเกาหลีและญี่ปุ่น ถือเป็นต้นแบบและเป็นตลาดใหญ่ของ 3 จี ดังนั้น จึงต้องการไปดูงานการให้บริการ 3 จี ก่อนทีโอทีและ กสท จะเปิดให้บริการ 3 จี อย่างเป็นทางการ
3G phones “อภิสิทธิ์” ย้ำทีโอทีชะลอลงทุน 3 จี
3G phones 3Gรอได้แต่อย่าให้รอนาน
3G phones 3Gรอได้แต่อย่าให้รอนาน
3Gรอได้แต่อย่าให้รอนาน
จุดเริ่มต้นของ 3G เกิดจากเทคโนโลยี 2G ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ไม่เพียงพอต่อรูปแบบเนื้อหาที่ใช้งานบนโทรศัพท์มือถือ ซึ่งมีขนาดใหญ่ เช่น การดูหนัง ฟังเพลง และรับข้อมูลข่าวสารแบบมัลติมีเดีย สำหรับผู้ใช้โทรศัพท์มือถือที่ใช้งานเพียงโทรออก-รับสาย รับ-ส่งอีเมล และดูภาพที่มีความละเอียดไม่มากนัก 2G ก็เพียงพอแล้ว แต่เมื่อใดที่ต้องแนบไฟล์วีดิโอคลิป หรือไฟล์งานที่มีขนาดใหญ่ ผู้รับจะไม่สามารถดาวน์โหลดได้ หรือถ้าจะดาวน์โหลดผ่าน 2G ก็ต้องใช้งานผ่านระบบฟิกไลน์ทำให้ไม่สามารถทำงานได้ทุกที่
ต่างจากรูปแบบการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่ชอบเดินทาง และติดต่อสื่อสารตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องมีเทคโนโลยี 3G เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลได้สมบูรณ์แบบมากขึ้น
เทคโนโลยี 3G จะเป็นการปฏิวัติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เป็นคลื่นลูกใหม่ที่จะพลิกโฉมหน้าของเศรษฐกิจโลก
3G ให้ความเร็วในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและดาวน์โหลดข้อมูลที่สูงกว่า 2G ความเร็ว 3G ในการรับ-ส่งข้อมูลขั้นต้นที่ 21-28 เมกะบิต/วินาที แต่ในปีหน้า 3G ถูกพัฒนาให้มีความเร็วสูงถึง 150 เมกะบิต/วินาที และกำลังจะเปิดใช้งานในหลายๆ ประเทศทั่วโลกที่เริ่มอิ่มตัวกับความเร็วของ 3G ขั้นต้น และกำลังจะก้าวข้ามไปสู่เทคโนโลยีระบบ 4G ที่มีความเร็วมากกว่า 3G ถึง 5 เท่าตัว
4G จะให้ความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลสูงถึง 500 เมกะบิต/วินาที เรียกว่ายังไม่ทันกะพริบตาก็ดาวน์โหลดไฟล์ภาพยนตร์เสร็จแล้ว เพลง 1 เพลง ใช้เวลาดาวน์โหลดแค่ 3 วินาทีเท่านั้น หรือว่าท่านอยากรู้ นางสาวไทย นุ้ย สุจิรา อรุณพิพัฒน์ หน้าตาเป็นอย่างไร ครองตำแหน่งในปีไหน มีผลงานอะไรบ้าง ท่านก็สามารถค้นหาผ่านโทรศัพท์มือถือได้ในทุกที่ ทุกเวลา และภายในเวลาไม่นาน
ไม่เกินครึ่งแรกของปีหน้า ญี่ปุ่นจะนำ 4G มาใช้ในเชิงพาณิชย์อย่างเป็นเรื่องเป็นราว หลังจากที่ได้ร่วมมือกับกลุ่มผู้ผลิตในยุโรปหลายรายในการพัฒนาโครงข่ายและเทคโนโลยี สามารถตอบสนองความต้องการของโลกแห่งการสื่อสาร จนก้าวข้ามระบบ 3G ที่ถือว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดมาได้
ผู้ประกอบการในโลกนี้ใช้เงินรวมกันกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3.4 ล้านล้านบาท ในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา เพื่อปฏิวัติเทคโนโลยีการสื่อสารของโลกจากระบบ 2G มาสู่ระบบ 3G แต่ขีดจำกัดของมนุษย์ไม่เคยหยุดนิ่ง ในเวลาเพียงไม่นาน 4G ก็กำลังเข้ามาแทนที่ ทำให้ 3G กำลังจะกลายเป็นเทคโนโลยีที่ล้าหลังเข้าไปทุกขณะ
บนความก้าวหน้าของการสื่อสารของโลก ทำให้ต้องย้อนกลับมาดูพัฒนาการสื่อสารของไทย บอกได้คำเดียวว่าเศร้าใจแทน การสื่อสารของเราในทุกวันนี้ ยังย่ำอยู่กับเทคโนโลยีที่แสนจะล้าหลังอย่าง 2G ยังไม่มีแนวโน้มให้เห็นแต่อย่างใดว่าเราจะก้าวเข้าสู่ 3G ได้เมื่อใด เลิกหวัง 4G ได้เลย
ทุกวันนี้ฝ่ายการเมือง ฝ่ายปฏิบัติการที่ให้ใบอนุญาตอย่างคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) หรือแม้แต่โอเปอเรเตอร์เอง ก็ยังมีความเห็นไม่ตรงกัน บ้างก็ว่า กทช.ไม่มีอำนาจบ้าง ต้องรอ กสทช.ก่อนบ้าง บางคนก็บอกว่าปลายปีหน้าคงได้ข้อสรุป บ้างก็บอกว่าต้นปีหน้าจะเปิดประมูลได้
คนไทยจึงไม่รู้ว่าข้อมูลที่ออกมาอันไหนจริง อันไหนเท็จ มั่วและสับสนวุ่นวายกันไปหมด เลยไม่รู้ว่าชาตินี้ คนไทยจะมีโอกาสได้ใช้ 3G เหมือนประเทศเพื่อนบ้านหรือเปล่า
ผู้ที่เกี่ยวข้องช่วยสรุปกันสักทีเถิดครับ จะทำอย่างไรก็ทำเสียที เทคโนโลยีทุกวันนี้ไม่รอแล้ว คนไทยนะรอ 3G ได้ แต่อย่าถึงกับให้ต้องรอนาน โลกเขาจะใช้ 4G กันแล้ว แต่เรายังทะเลาะในเรื่อง 3G กันไม่เลิก อายชาวโลกไหมครับ กทช.!!
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ
3Gรอได้แต่อย่าให้รอนาน
จุดเริ่มต้นของ 3G เกิดจากเทคโนโลยี 2G ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ไม่เพียงพอต่อรูปแบบเนื้อหาที่ใช้งานบนโทรศัพท์มือถือ ซึ่งมีขนาดใหญ่ เช่น การดูหนัง ฟังเพลง และรับข้อมูลข่าวสารแบบมัลติมีเดีย สำหรับผู้ใช้โทรศัพท์มือถือที่ใช้งานเพียงโทรออก-รับสาย รับ-ส่งอีเมล และดูภาพที่มีความละเอียดไม่มากนัก 2G ก็เพียงพอแล้ว แต่เมื่อใดที่ต้องแนบไฟล์วีดิโอคลิป หรือไฟล์งานที่มีขนาดใหญ่ ผู้รับจะไม่สามารถดาวน์โหลดได้ หรือถ้าจะดาวน์โหลดผ่าน 2G ก็ต้องใช้งานผ่านระบบฟิกไลน์ทำให้ไม่สามารถทำงานได้ทุกที่
ต่างจากรูปแบบการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่ชอบเดินทาง และติดต่อสื่อสารตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องมีเทคโนโลยี 3G เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลได้สมบูรณ์แบบมากขึ้น
เทคโนโลยี 3G จะเป็นการปฏิวัติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เป็นคลื่นลูกใหม่ที่จะพลิกโฉมหน้าของเศรษฐกิจโลก
3G ให้ความเร็วในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและดาวน์โหลดข้อมูลที่สูงกว่า 2G ความเร็ว 3G ในการรับ-ส่งข้อมูลขั้นต้นที่ 21-28 เมกะบิต/วินาที แต่ในปีหน้า 3G ถูกพัฒนาให้มีความเร็วสูงถึง 150 เมกะบิต/วินาที และกำลังจะเปิดใช้งานในหลายๆ ประเทศทั่วโลกที่เริ่มอิ่มตัวกับความเร็วของ 3G ขั้นต้น และกำลังจะก้าวข้ามไปสู่เทคโนโลยีระบบ 4G ที่มีความเร็วมากกว่า 3G ถึง 5 เท่าตัว
4G จะให้ความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลสูงถึง 500 เมกะบิต/วินาที เรียกว่ายังไม่ทันกะพริบตาก็ดาวน์โหลดไฟล์ภาพยนตร์เสร็จแล้ว เพลง 1 เพลง ใช้เวลาดาวน์โหลดแค่ 3 วินาทีเท่านั้น หรือว่าท่านอยากรู้ นางสาวไทย นุ้ย สุจิรา อรุณพิพัฒน์ หน้าตาเป็นอย่างไร ครองตำแหน่งในปีไหน มีผลงานอะไรบ้าง ท่านก็สามารถค้นหาผ่านโทรศัพท์มือถือได้ในทุกที่ ทุกเวลา และภายในเวลาไม่นาน
ไม่เกินครึ่งแรกของปีหน้า ญี่ปุ่นจะนำ 4G มาใช้ในเชิงพาณิชย์อย่างเป็นเรื่องเป็นราว หลังจากที่ได้ร่วมมือกับกลุ่มผู้ผลิตในยุโรปหลายรายในการพัฒนาโครงข่ายและเทคโนโลยี สามารถตอบสนองความต้องการของโลกแห่งการสื่อสาร จนก้าวข้ามระบบ 3G ที่ถือว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดมาได้
ผู้ประกอบการในโลกนี้ใช้เงินรวมกันกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3.4 ล้านล้านบาท ในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา เพื่อปฏิวัติเทคโนโลยีการสื่อสารของโลกจากระบบ 2G มาสู่ระบบ 3G แต่ขีดจำกัดของมนุษย์ไม่เคยหยุดนิ่ง ในเวลาเพียงไม่นาน 4G ก็กำลังเข้ามาแทนที่ ทำให้ 3G กำลังจะกลายเป็นเทคโนโลยีที่ล้าหลังเข้าไปทุกขณะ
บนความก้าวหน้าของการสื่อสารของโลก ทำให้ต้องย้อนกลับมาดูพัฒนาการสื่อสารของไทย บอกได้คำเดียวว่าเศร้าใจแทน การสื่อสารของเราในทุกวันนี้ ยังย่ำอยู่กับเทคโนโลยีที่แสนจะล้าหลังอย่าง 2G ยังไม่มีแนวโน้มให้เห็นแต่อย่างใดว่าเราจะก้าวเข้าสู่ 3G ได้เมื่อใด เลิกหวัง 4G ได้เลย
ทุกวันนี้ฝ่ายการเมือง ฝ่ายปฏิบัติการที่ให้ใบอนุญาตอย่างคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) หรือแม้แต่โอเปอเรเตอร์เอง ก็ยังมีความเห็นไม่ตรงกัน บ้างก็ว่า กทช.ไม่มีอำนาจบ้าง ต้องรอ กสทช.ก่อนบ้าง บางคนก็บอกว่าปลายปีหน้าคงได้ข้อสรุป บ้างก็บอกว่าต้นปีหน้าจะเปิดประมูลได้
คนไทยจึงไม่รู้ว่าข้อมูลที่ออกมาอันไหนจริง อันไหนเท็จ มั่วและสับสนวุ่นวายกันไปหมด เลยไม่รู้ว่าชาตินี้ คนไทยจะมีโอกาสได้ใช้ 3G เหมือนประเทศเพื่อนบ้านหรือเปล่า
ผู้ที่เกี่ยวข้องช่วยสรุปกันสักทีเถิดครับ จะทำอย่างไรก็ทำเสียที เทคโนโลยีทุกวันนี้ไม่รอแล้ว คนไทยนะรอ 3G ได้ แต่อย่าถึงกับให้ต้องรอนาน โลกเขาจะใช้ 4G กันแล้ว แต่เรายังทะเลาะในเรื่อง 3G กันไม่เลิก อายชาวโลกไหมครับ กทช.!!
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ
3G phones ล็อกซเล่ย์” เฮ!รับไลเซ่นส์ ลุยบริการมือถือ3จีบนคลื่นความถี่ “ทีโอที”
3G phones ล็อกซเล่ย์” เฮ!รับไลเซ่นส์ ลุยบริการมือถือ3จีบนคลื่นความถี่ “ทีโอที”
นายสุรนันท์ วงศ์วิทยกำจร เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช. เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ กทช. เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีมติอนุมัติใบอนุญาต(ไลเซ่นส์)ประเภทที่ 1( การให้บริการขายต่อบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3จี หรือ MVNO) ให้กับ บริษัท ล็อกซเลย์ จำกัด มหาชน และบริษัท 365 คอมมูนิเคชั่น จำกัด โดยมีอายุของใบอนุญาต 5 ปี ซึ่งที่ผ่านมานี้ กทช.เคยให้ใบอนุญาตประเภทเดียวกันแก่บริษัท ทีโอทีจำกัด (มหาชน) ไปแล้ว ก่อนหน้านี้ บริษัททีโอที ได้จัดสรรเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ให้กับ บริษัท ล็อกซเลย์ จำกัด( มหาชน)และบริษัทบริษัท 365 คอมมูนิเคชั่น จำกัด รายละ 2 หมื่นเลขหมาย เพื่อให้ทั้งสองรายนำไปให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่3จี บนคลื่นความถี่ของ ทีโอที (1900 MHz ) ในช่วงที่ทีโอที เริ่มเปิดให้บริการ โดยทั้งสองรายจะเข้าไปทำตลาดและ และให้บริการแทน ทีโอที นายสุรนันท์ กล่าวว่า สำหรับการให้บริการในลักษณะดังกล่าวถือเป็นธุรกิจใหม่ กทช.ควรที่จะต้องดูกรอบการทำงานอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มีการแข่งขันที่ดีและมีบริการที่เหมาะสมให้แก่ประชาชน สำหรับการบริการในลักษณะดังกล่าวในต่างประเทศ อย่างเช่นในญี่ปุ่น พบว่าเป็นการให้บริการเฉพาะกลุ่ม เช่น ในกลุ่มวัยรุ่นที่กำลังซื้อสูง ส่วนการออกใบอนุญาต 3 จี บนคลื่นความถี่ 2.1GHz ของ กทช.นั้น หลังจากมีการทำประชาพิจารณ์ไปเรียบร้อยแล้ว คาดว่า จะมีการนำเสนอให้ คณะกรรมการ กทช.พิจารณาได้ในสัปดาห์หน้า ส่วนการส่งหนังสือให้ คณะกรรมการกฤษฎีกา ตีความว่า กทช.มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเปิดประมูลใบอนุญาต 3 จีหรือไม่นั้น คาดว่า จะมีความคืบหน้าในสัปดาห์หน้าเช่นกัน
นายสุรนันท์ วงศ์วิทยกำจร เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช. เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ กทช. เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีมติอนุมัติใบอนุญาต(ไลเซ่นส์)ประเภทที่ 1( การให้บริการขายต่อบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3จี หรือ MVNO) ให้กับ บริษัท ล็อกซเลย์ จำกัด มหาชน และบริษัท 365 คอมมูนิเคชั่น จำกัด โดยมีอายุของใบอนุญาต 5 ปี ซึ่งที่ผ่านมานี้ กทช.เคยให้ใบอนุญาตประเภทเดียวกันแก่บริษัท ทีโอทีจำกัด (มหาชน) ไปแล้ว ก่อนหน้านี้ บริษัททีโอที ได้จัดสรรเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ให้กับ บริษัท ล็อกซเลย์ จำกัด( มหาชน)และบริษัทบริษัท 365 คอมมูนิเคชั่น จำกัด รายละ 2 หมื่นเลขหมาย เพื่อให้ทั้งสองรายนำไปให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่3จี บนคลื่นความถี่ของ ทีโอที (1900 MHz ) ในช่วงที่ทีโอที เริ่มเปิดให้บริการ โดยทั้งสองรายจะเข้าไปทำตลาดและ และให้บริการแทน ทีโอที นายสุรนันท์ กล่าวว่า สำหรับการให้บริการในลักษณะดังกล่าวถือเป็นธุรกิจใหม่ กทช.ควรที่จะต้องดูกรอบการทำงานอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มีการแข่งขันที่ดีและมีบริการที่เหมาะสมให้แก่ประชาชน สำหรับการบริการในลักษณะดังกล่าวในต่างประเทศ อย่างเช่นในญี่ปุ่น พบว่าเป็นการให้บริการเฉพาะกลุ่ม เช่น ในกลุ่มวัยรุ่นที่กำลังซื้อสูง ส่วนการออกใบอนุญาต 3 จี บนคลื่นความถี่ 2.1GHz ของ กทช.นั้น หลังจากมีการทำประชาพิจารณ์ไปเรียบร้อยแล้ว คาดว่า จะมีการนำเสนอให้ คณะกรรมการ กทช.พิจารณาได้ในสัปดาห์หน้า ส่วนการส่งหนังสือให้ คณะกรรมการกฤษฎีกา ตีความว่า กทช.มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเปิดประมูลใบอนุญาต 3 จีหรือไม่นั้น คาดว่า จะมีความคืบหน้าในสัปดาห์หน้าเช่นกัน
3g phones ใช้ 3 จี ต้องจ่ายเหมือนเดิม
3g phones ใช้ 3 จี ต้องจ่ายเหมือนเดิม
การประมูลคลื่นความถี่ 3 จียังเป็นปัญหา แม้ว่าหน่วยงานรัฐพยายามเดินหน้าทำการประมูลให้ได้ก่อนสิ้นปีนี้ ประเด็นปัญหาที่มีก็คือ ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือเดิมจะเป็นอย่างไร ซึ่งมีอยู่ 2-3 ทางเลือก ทางเลือกที่หนึ่ง ถ้าผู้ประมูลความถี่ 3 จีได้ประเป็นผู้รับจัดการบริษัทมือถือระบบเดิมก็อาจย้ายจากระบบเดิมไปยังระบบใหม่ที่ทันสมัยกว่า หรืออาจเกิดทางเลือกที่ 2 คือ อยู่ที่เดิมไม่ไปไหน แต่ก็มีปัญหาว่าผู้ประกอบการระบบปัจจุบันยังจะให้บริการอยู่อีกหรือในเมื่อระบบใหม่ดีกว่า ทันสมัยกว่าและประมูลคลื่นได้แล้วหรือทางเลือกที่สามต้องปิดเบอร์โทรศัพท์เดิมแล้วหันไปใช้บริการใหม่ ซึ่งอย่างที่สามนี้ก็มีทางเลือกใหม่ 2 ทางก็คือ เลือกใช้กับผู้ให้บริการรายเดิมที่ประมูลระบบ 3 จีได้ หรือเลือกใช้ผู้ให้บริการ 3 จี รายใหม่
แต่ก่อนจะถึงขั้นที่ว่าจะเลือกอยู่กับค่ายเดิมหรือไปค่ายใหม่ สิ่งที่ต้องเกิดขึ้นก่อนก็คือ ต้องมีการเปิดประมูลคลื่นประมูล 3 จีให้แล้วเสร็จเสียก่อนเป็นขึ้นต้น จากนั้นรอให้เขาพัฒนาเข้าสู่ระบบใหม่ก่อนที่เราผู้ใช้จะได้เลือกใช้ระบบ 3 จี
ประเด็นที่ยังเป็นปัญหาข้อกฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม หรือ กทช. ก็คือ หน่วยงานนี้มีอำนาจจริงหรือที่จะเป็นผู้จัดการประมูลระบบโทรศัพท์ 3 จี ซึ่งเป็นข้อถกเถียงทางวิชาการกันอยู่ เนื่องจากฝ่ายที่เห็นคัดค้านเห็นว่าต้องมีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญออกมาเสียก่อน แต่อีกฝ่ายก็ว่าน่าจะดำเนินการได้ และอาจจะเทียบเคียงกับเรื่องกฎหมายสิ่งแวดล้อมที่เป็นปัญหาอยู่ในเวลานี้ แม้กฎหมายประกอบกฎหมายรัฐธรรมนูญยังไม่ได้ออกมา แต่ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นหลัก ฉะนั้น กทช. ก็อาจจะเดินหน้าจัดการประมูลให้สัมปทานต่อไป เว้นแต่จะสะดุดด้วยข้อกฎหมายหรือเห็นว่าไม่น่าจะเสี่ยงเดินหน้าต่อ ซึ่งต้องรอให้มีกฎหมายออกมารองรับเสียก่อนค่อยดำเนินการ
ระหว่างหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างระบบโทรศัพท์มือถือเดิมกับระบบใหม่ 3 จี จะเดินหน้าหรืออยู่กับที่อยู่อย่างนี้ ก็มีประเด็นสำคัญเกิดขึ้นมาให้คิด เพราะระบบเดิมมีสัญญาสัมปทานค้างอยู่ ซึ่งระบบปัจจุบันผู้ได้รับสัมปทานต้องจ่ายผลประโยชน์ให้กับรัฐระหว่าง 25-30 % แล้วแต่ลักษณะสัญญา ในขณะที่ระบบใหม่รัฐจะได้รายได้จากค่าธรรมเนียมซึ่งคิดประมาณ 6-7 % เท่านั้น เรื่องเลยกลายเป็นว่าผู้ประกอบการรายใหม่สบายแน่ๆ เพราะจ่ายต่ำกว่าที่เป็นอยู่อย่างมาก ถ้าเขาประมูลระบบใหม่ได้ก็คงจะเปลี่ยนลูกค้าจากระบบเดิมเป็นลูกค้าระบบใหม่แน่ และอย่างนี้รัฐคงจะสูญเสียรายได้ที่ควรจะได้รับเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 6-7 หมื่นล้านบาท
ซึ่งนี่เป็นเรื่องข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แต่สำหรับผมแล้วคิดว่าแม้ดูเหมือนว่ารัฐจะเสียผลประโยชน์จากการที่ลูกค้ารัฐทิ้งระบบสัมปทานเดิม นั่นก็เป็นเรื่องธรรมชาติที่ควรจะเป็น เพื่อทำให้สังคมไทยก้าวเข้าสู่ระบบโทรศัพท์มือถือระบบใหม่ที่ทันสมัย และรัฐไม่ควรเอาค่าสัมปทานที่ควรจะได้รับเอาไปคำนวณในการประมูลรอบใหม่ด้วย เหตุผลก็เพราะถ้าเอาไปคำนวณแล้วจะทำให้ต้นทุนในการประมูลสูงขึ้นไปมาก และโอกาสที่นักลงทุนหน้าใหม่ก็จะยากไปด้วย เราก็ได้เห็นแล้วการประมูล 3 จีในประเทศต่างๆ เขาตั้งเงื่อนไขในการประมูลไว้อย่างไร
เราควรจะทำให้ต้นทุนในการประมูลอยู่ในระดับใกล้เคียงกับต่างประเทศโดยไม่ต้องให้มาแบกต้นทุนที่ “คาดว่าควรจะได้รับจากค่าสัมปทานรายเดิม” สิ่งที่รัฐควรดำเนินการก็คือ ต้องวางระบบป้องกันการขูดเนื้อเถือหนังจากผู้ประมูลได้ไปจะดีกว่า เพราะถือว่าต้นทุนการประมูลต่ำอยู่แล้ว ก็ไม่มีเหตุผลอะไรจะไปขูดรีดค่าโทรศัพท์แพงๆ จากผู้ใช้โทรศัพท์มือถือระบบใหม่ที่มา
ที่มา : ฐานเศรษกิจ วันที่ 25-28 ตุลาคม 2552 หน้า 4
การประมูลคลื่นความถี่ 3 จียังเป็นปัญหา แม้ว่าหน่วยงานรัฐพยายามเดินหน้าทำการประมูลให้ได้ก่อนสิ้นปีนี้ ประเด็นปัญหาที่มีก็คือ ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือเดิมจะเป็นอย่างไร ซึ่งมีอยู่ 2-3 ทางเลือก ทางเลือกที่หนึ่ง ถ้าผู้ประมูลความถี่ 3 จีได้ประเป็นผู้รับจัดการบริษัทมือถือระบบเดิมก็อาจย้ายจากระบบเดิมไปยังระบบใหม่ที่ทันสมัยกว่า หรืออาจเกิดทางเลือกที่ 2 คือ อยู่ที่เดิมไม่ไปไหน แต่ก็มีปัญหาว่าผู้ประกอบการระบบปัจจุบันยังจะให้บริการอยู่อีกหรือในเมื่อระบบใหม่ดีกว่า ทันสมัยกว่าและประมูลคลื่นได้แล้วหรือทางเลือกที่สามต้องปิดเบอร์โทรศัพท์เดิมแล้วหันไปใช้บริการใหม่ ซึ่งอย่างที่สามนี้ก็มีทางเลือกใหม่ 2 ทางก็คือ เลือกใช้กับผู้ให้บริการรายเดิมที่ประมูลระบบ 3 จีได้ หรือเลือกใช้ผู้ให้บริการ 3 จี รายใหม่
แต่ก่อนจะถึงขั้นที่ว่าจะเลือกอยู่กับค่ายเดิมหรือไปค่ายใหม่ สิ่งที่ต้องเกิดขึ้นก่อนก็คือ ต้องมีการเปิดประมูลคลื่นประมูล 3 จีให้แล้วเสร็จเสียก่อนเป็นขึ้นต้น จากนั้นรอให้เขาพัฒนาเข้าสู่ระบบใหม่ก่อนที่เราผู้ใช้จะได้เลือกใช้ระบบ 3 จี
ประเด็นที่ยังเป็นปัญหาข้อกฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม หรือ กทช. ก็คือ หน่วยงานนี้มีอำนาจจริงหรือที่จะเป็นผู้จัดการประมูลระบบโทรศัพท์ 3 จี ซึ่งเป็นข้อถกเถียงทางวิชาการกันอยู่ เนื่องจากฝ่ายที่เห็นคัดค้านเห็นว่าต้องมีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญออกมาเสียก่อน แต่อีกฝ่ายก็ว่าน่าจะดำเนินการได้ และอาจจะเทียบเคียงกับเรื่องกฎหมายสิ่งแวดล้อมที่เป็นปัญหาอยู่ในเวลานี้ แม้กฎหมายประกอบกฎหมายรัฐธรรมนูญยังไม่ได้ออกมา แต่ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นหลัก ฉะนั้น กทช. ก็อาจจะเดินหน้าจัดการประมูลให้สัมปทานต่อไป เว้นแต่จะสะดุดด้วยข้อกฎหมายหรือเห็นว่าไม่น่าจะเสี่ยงเดินหน้าต่อ ซึ่งต้องรอให้มีกฎหมายออกมารองรับเสียก่อนค่อยดำเนินการ
ระหว่างหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างระบบโทรศัพท์มือถือเดิมกับระบบใหม่ 3 จี จะเดินหน้าหรืออยู่กับที่อยู่อย่างนี้ ก็มีประเด็นสำคัญเกิดขึ้นมาให้คิด เพราะระบบเดิมมีสัญญาสัมปทานค้างอยู่ ซึ่งระบบปัจจุบันผู้ได้รับสัมปทานต้องจ่ายผลประโยชน์ให้กับรัฐระหว่าง 25-30 % แล้วแต่ลักษณะสัญญา ในขณะที่ระบบใหม่รัฐจะได้รายได้จากค่าธรรมเนียมซึ่งคิดประมาณ 6-7 % เท่านั้น เรื่องเลยกลายเป็นว่าผู้ประกอบการรายใหม่สบายแน่ๆ เพราะจ่ายต่ำกว่าที่เป็นอยู่อย่างมาก ถ้าเขาประมูลระบบใหม่ได้ก็คงจะเปลี่ยนลูกค้าจากระบบเดิมเป็นลูกค้าระบบใหม่แน่ และอย่างนี้รัฐคงจะสูญเสียรายได้ที่ควรจะได้รับเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 6-7 หมื่นล้านบาท
ซึ่งนี่เป็นเรื่องข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แต่สำหรับผมแล้วคิดว่าแม้ดูเหมือนว่ารัฐจะเสียผลประโยชน์จากการที่ลูกค้ารัฐทิ้งระบบสัมปทานเดิม นั่นก็เป็นเรื่องธรรมชาติที่ควรจะเป็น เพื่อทำให้สังคมไทยก้าวเข้าสู่ระบบโทรศัพท์มือถือระบบใหม่ที่ทันสมัย และรัฐไม่ควรเอาค่าสัมปทานที่ควรจะได้รับเอาไปคำนวณในการประมูลรอบใหม่ด้วย เหตุผลก็เพราะถ้าเอาไปคำนวณแล้วจะทำให้ต้นทุนในการประมูลสูงขึ้นไปมาก และโอกาสที่นักลงทุนหน้าใหม่ก็จะยากไปด้วย เราก็ได้เห็นแล้วการประมูล 3 จีในประเทศต่างๆ เขาตั้งเงื่อนไขในการประมูลไว้อย่างไร
เราควรจะทำให้ต้นทุนในการประมูลอยู่ในระดับใกล้เคียงกับต่างประเทศโดยไม่ต้องให้มาแบกต้นทุนที่ “คาดว่าควรจะได้รับจากค่าสัมปทานรายเดิม” สิ่งที่รัฐควรดำเนินการก็คือ ต้องวางระบบป้องกันการขูดเนื้อเถือหนังจากผู้ประมูลได้ไปจะดีกว่า เพราะถือว่าต้นทุนการประมูลต่ำอยู่แล้ว ก็ไม่มีเหตุผลอะไรจะไปขูดรีดค่าโทรศัพท์แพงๆ จากผู้ใช้โทรศัพท์มือถือระบบใหม่ที่มา
ที่มา : ฐานเศรษกิจ วันที่ 25-28 ตุลาคม 2552 หน้า 4
สงคราม 3G มูลค่าล้านล้านบาทบททดสอบใหม่สหภาพทีโอที-กสท
สงคราม 3G มูลค่าล้านล้านบาทบททดสอบใหม่สหภาพทีโอที-กสท
หลังจากถูกแปรรูปถูกบอนไซมาหลายปีนับแต่รัฐบาลทักษิณผมเพิ่งจะเห็น สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท ทีโอที จำกัด(มหาชน) ซึ่งมีดร.พงศ์ฐิติ พงศ์ศิลามณี เป็นประธาน และสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด(มหาชน) นำโดย คุณสุขุม ชื่นมะนา จับมือ เคียงบ่าเคียงไหล่ต่อสู้ร่วมกัน...
...ต่อสู้ร่วมกันในศึกประมูลคลื่นความถี่ 3G โดยมีจุดยืนชัดเจนว่า ให้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.)ชะลอการเปิดประมูลออกไปก่อน ด้วยเหตุผล 6-7 ประการ
อันที่จริงถ้าว่ากันถึงที่สุด ผมมีความเห็น มีข้อสังเกตในเชิงตั้งคำถามต่อบทบาทที่ผ่านๆ มาของ 2 สหภาพนี้ค่อนข้างมาก แต่สำหรับกรณีโทรศัพท์ 3G ผมขอชักธงเชียร์เต็มๆ ว่าเห็นด้วยและขอให้ทั้ง 2 สหภาพ จับมือกันให้เข้มแข็งและให้ถึงที่สุด อย่าได้สะดุดหรือเหี่ยวปลายเป็นอันขาด...
สรุปสาระสำคัญเหตุผลที่ชาวทีโอทีและกสท ขอให้ กทช.ชะลอการประมูลความถี่ 3G ผนวกกับความเห็นของผม แบบสั้นๆดั้งนี้
1) ตามมาตรา 47 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญ 2550 กำหนดให้มีองค์กรที่เป็นอิสระองค์กรหนึ่งทำหน้าที่จัดสรรคลื่นความถี่ ซึ่งในขณะนี้องค์กรที่ว่ายังไม่เกิดเพราะรัฐสภากำลังดำเนินการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่กันอยู่ (อยู่ในวาระ 2 ของสภาผู้แทนราษฎร) ดังนั้น กทช.จึงมิใช่องค์กรที่จะมาทำหน้าที่นี้
2) กทช.มีทั้งหมด 7 คน ปัจจุบันเหลือ 3 คน (ลาออก 1 จับสลากออก 3) ขณะนี้รอการพิจารณาคัดเลือกตามขั้นตอนการสรรหาจากวุฒิสภา (คาดว่าเดือน พ.ย. 52 น่าจะแล้วเสร็จ)
ดังนั้นแม้ กทช.พยายามที่จะดิ้นรนให้มีการตีความทางกฎหมายว่าตัวเองมีอำนาจ แต่เชื่อว่าหากยังคงดันทุรังเดินหน้าใช้อำนาจต่อไป จะเกิดปัญหาตามมาอย่างแน่นอน และไม่อาจจะตีความ-เข้าใจเป็นอย่างอื่นไปได้ว่าทำไม กทช.ต้องเดินหน้า นอกจากเพราะมี "วาระซ่อนเร้น"
3) ข้อกำหนด-เงื่อนไขการประมูลของ กทช.ยังไม่รัดกุมเพียงพอที่จะปกป้องคลื่นความถี่ซึ่งเป็นสมบัติชาติมิให้ตกไปอยู่ในมือของกลุ่มธุรกิจต่างชาติได้
ในขณะเดียวกันเงื่อนไขการประมูลยังกีดกันหน่วยงานของรัฐโดยเฉพาะบริษัททีโอที และ บริษัท กสท โทรคมนาคม ไม่ให้เข้าร่วมการประมูลอีกต่างหาก
4) การประมูลความถี่ระบบ 3G มีแนวโน้มสูงยิ่งที่บริษัทยักษ์ใหญ่ เจ้าของสัมปทานเดิมอย่างเอไอเอส ดีแทค และทรูจะได้รับการประมูลอีก ในขณะที่บริษัทเหล่านี้ยังมีธุรกิจอยู่ในสัญญาสัมปทานเดิมกับทีโอทีและกสท โทรคมนาคม ดังนั้นเมื่อ กทช.มีนโยบายในการคงสิทธิ์หมายเลข (โทรศัพท์) เดิม หรือ Number Porttability หากบริษัทเหล่านี้ได้รับการประมูล ย่อมจะโอนถ่ายผู้ใช้บริการไปสู่ระบบ 3G ได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนั้นปัญหาเกี่ยวกับทรัพย์สินตามสัญญาสัมปทานเดิมจะตามมาอีกมาก และอาจนำมาซึ่งความสูญเสียรายได้ของบริษัททีโอที และบริษัท กสท โทรคมนาคม ได้ไม่ยาก
ครับ นั่นคือเนื้อใหญ่ใจความว่าทำไม กทช.ควรที่จะชะลอการประมูลออกไปก่อน การมาอ้างว่าหากล่าช้าประเทศของเราจะล้าหลัง ตามประเทศเพื่อนบ้านไม่ทันเป็นเพียงเหตุผลที่เป็นข้ออ้างแบบสูตรสำเร็จเดิมๆ วันนี้เราต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติผลประโยชน์ของผู้บริโภคให้มากๆ
จริงอยู่แม้เหตุผลสำคัญประการหนึ่ง ทีโอทีและ กสทคัดค้านเพราะองค์กรของตัวเองมีส่วนได้เสีย แต่ความได้เสียนี้มันเกี่ยวโยงถึงรายได้ของรัฐ รายได้ของแผ่นดิน มันจะเป็นเรื่องน่าเศร้าและอัปยศอดสูยิ่งหากว่าผู้นำสหภาพผู้บริหารของทีโอทีและ กสท โทรคมนาคม ปิดตาเสียข้างหนึ่งแล้วยื่นมือรับเศษเงินเศษผลประโยชน์จากบริษัทเอกชน เปิดทางเปิดโอกาสให้ กทช.กับบริษัทเอกชนไม่กี่ค่ายเอาคลื่นความถี่ 3G ไปปู้ยี่ปู้ยำทำมาหากินกันแบบสบายๆ อย่าลืมว่า มูลค่า-ผลประโยชน์ของคลื่นความถี่ 3G มันหลายแสนล้านบาท หรือนับล้านล้านบาท... ดังนั้นแม้ในที่สุดเราต้องก้าวสู่ระบบ 3G แต่ก็ต้องก้าวสู่แบบโปร่งใส ทุกฝ่ายได้รับผลประโยชน์ได้รับความเป็นธรรม...
โดย สำราญ รอดเพชร /ASTV ผู้จัดการ
21 ตค.2552
หลังจากถูกแปรรูปถูกบอนไซมาหลายปีนับแต่รัฐบาลทักษิณผมเพิ่งจะเห็น สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท ทีโอที จำกัด(มหาชน) ซึ่งมีดร.พงศ์ฐิติ พงศ์ศิลามณี เป็นประธาน และสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด(มหาชน) นำโดย คุณสุขุม ชื่นมะนา จับมือ เคียงบ่าเคียงไหล่ต่อสู้ร่วมกัน...
...ต่อสู้ร่วมกันในศึกประมูลคลื่นความถี่ 3G โดยมีจุดยืนชัดเจนว่า ให้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.)ชะลอการเปิดประมูลออกไปก่อน ด้วยเหตุผล 6-7 ประการ
อันที่จริงถ้าว่ากันถึงที่สุด ผมมีความเห็น มีข้อสังเกตในเชิงตั้งคำถามต่อบทบาทที่ผ่านๆ มาของ 2 สหภาพนี้ค่อนข้างมาก แต่สำหรับกรณีโทรศัพท์ 3G ผมขอชักธงเชียร์เต็มๆ ว่าเห็นด้วยและขอให้ทั้ง 2 สหภาพ จับมือกันให้เข้มแข็งและให้ถึงที่สุด อย่าได้สะดุดหรือเหี่ยวปลายเป็นอันขาด...
สรุปสาระสำคัญเหตุผลที่ชาวทีโอทีและกสท ขอให้ กทช.ชะลอการประมูลความถี่ 3G ผนวกกับความเห็นของผม แบบสั้นๆดั้งนี้
1) ตามมาตรา 47 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญ 2550 กำหนดให้มีองค์กรที่เป็นอิสระองค์กรหนึ่งทำหน้าที่จัดสรรคลื่นความถี่ ซึ่งในขณะนี้องค์กรที่ว่ายังไม่เกิดเพราะรัฐสภากำลังดำเนินการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่กันอยู่ (อยู่ในวาระ 2 ของสภาผู้แทนราษฎร) ดังนั้น กทช.จึงมิใช่องค์กรที่จะมาทำหน้าที่นี้
2) กทช.มีทั้งหมด 7 คน ปัจจุบันเหลือ 3 คน (ลาออก 1 จับสลากออก 3) ขณะนี้รอการพิจารณาคัดเลือกตามขั้นตอนการสรรหาจากวุฒิสภา (คาดว่าเดือน พ.ย. 52 น่าจะแล้วเสร็จ)
ดังนั้นแม้ กทช.พยายามที่จะดิ้นรนให้มีการตีความทางกฎหมายว่าตัวเองมีอำนาจ แต่เชื่อว่าหากยังคงดันทุรังเดินหน้าใช้อำนาจต่อไป จะเกิดปัญหาตามมาอย่างแน่นอน และไม่อาจจะตีความ-เข้าใจเป็นอย่างอื่นไปได้ว่าทำไม กทช.ต้องเดินหน้า นอกจากเพราะมี "วาระซ่อนเร้น"
3) ข้อกำหนด-เงื่อนไขการประมูลของ กทช.ยังไม่รัดกุมเพียงพอที่จะปกป้องคลื่นความถี่ซึ่งเป็นสมบัติชาติมิให้ตกไปอยู่ในมือของกลุ่มธุรกิจต่างชาติได้
ในขณะเดียวกันเงื่อนไขการประมูลยังกีดกันหน่วยงานของรัฐโดยเฉพาะบริษัททีโอที และ บริษัท กสท โทรคมนาคม ไม่ให้เข้าร่วมการประมูลอีกต่างหาก
4) การประมูลความถี่ระบบ 3G มีแนวโน้มสูงยิ่งที่บริษัทยักษ์ใหญ่ เจ้าของสัมปทานเดิมอย่างเอไอเอส ดีแทค และทรูจะได้รับการประมูลอีก ในขณะที่บริษัทเหล่านี้ยังมีธุรกิจอยู่ในสัญญาสัมปทานเดิมกับทีโอทีและกสท โทรคมนาคม ดังนั้นเมื่อ กทช.มีนโยบายในการคงสิทธิ์หมายเลข (โทรศัพท์) เดิม หรือ Number Porttability หากบริษัทเหล่านี้ได้รับการประมูล ย่อมจะโอนถ่ายผู้ใช้บริการไปสู่ระบบ 3G ได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนั้นปัญหาเกี่ยวกับทรัพย์สินตามสัญญาสัมปทานเดิมจะตามมาอีกมาก และอาจนำมาซึ่งความสูญเสียรายได้ของบริษัททีโอที และบริษัท กสท โทรคมนาคม ได้ไม่ยาก
ครับ นั่นคือเนื้อใหญ่ใจความว่าทำไม กทช.ควรที่จะชะลอการประมูลออกไปก่อน การมาอ้างว่าหากล่าช้าประเทศของเราจะล้าหลัง ตามประเทศเพื่อนบ้านไม่ทันเป็นเพียงเหตุผลที่เป็นข้ออ้างแบบสูตรสำเร็จเดิมๆ วันนี้เราต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติผลประโยชน์ของผู้บริโภคให้มากๆ
จริงอยู่แม้เหตุผลสำคัญประการหนึ่ง ทีโอทีและ กสทคัดค้านเพราะองค์กรของตัวเองมีส่วนได้เสีย แต่ความได้เสียนี้มันเกี่ยวโยงถึงรายได้ของรัฐ รายได้ของแผ่นดิน มันจะเป็นเรื่องน่าเศร้าและอัปยศอดสูยิ่งหากว่าผู้นำสหภาพผู้บริหารของทีโอทีและ กสท โทรคมนาคม ปิดตาเสียข้างหนึ่งแล้วยื่นมือรับเศษเงินเศษผลประโยชน์จากบริษัทเอกชน เปิดทางเปิดโอกาสให้ กทช.กับบริษัทเอกชนไม่กี่ค่ายเอาคลื่นความถี่ 3G ไปปู้ยี่ปู้ยำทำมาหากินกันแบบสบายๆ อย่าลืมว่า มูลค่า-ผลประโยชน์ของคลื่นความถี่ 3G มันหลายแสนล้านบาท หรือนับล้านล้านบาท... ดังนั้นแม้ในที่สุดเราต้องก้าวสู่ระบบ 3G แต่ก็ต้องก้าวสู่แบบโปร่งใส ทุกฝ่ายได้รับผลประโยชน์ได้รับความเป็นธรรม...
โดย สำราญ รอดเพชร /ASTV ผู้จัดการ
21 ตค.2552
ทางเลือกของ 3G คือ CDMA
ทางเลือกของ 3G คือ CDMA
ทางเลือกของ 3G คือ CDMA
เมื่อปี 1999 The International Telecommunication Union (ITU) ซึ่งเป็นองค์กรกลางของ United Nation (UN) ได้รับรองมาตรฐานของเครือข่ายโทรคมนาคม ไร้สายยุคที่ 3 ไว้เป็นมาตรฐานของสัญญาณการส่งออกอากาศ เรียกว่า International Mobile Telecommunication 2000 (IMT-2000) ซึ่งได้มีข้อตกลงทั้งหมด 5 ประเภท 3ใน 5 ประเภท มีพื้นฐาน และ การพัฒนามาจาก CDMA แต่มีความแตกต่างกัน และ มีชื่อเรียกต่างกันไปคือ WCDMA, CDMA200, และ TD-SCDMA
ในมาตรฐานของ IMT-2000 นี้ ระบบ WCDMA และ CDMA2000 เป็นแบบที่มีความโดดเด่น และ มีการตกลงร่วมกันของบริษัทโทรคมนาคม ต่างที่จะใช้ทั้ง 2 ระบบนี้มากที่สุด
* ITU recommended “IMT-2000 Terrestrial Radio Interface”
ในประเทศแถบยุโรปผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ส่วนใหญ่ใช้ระบบ GSM และตกลงจะใช้ระบบ WCDMA ซึ่งมีการสร้างมาตรฐานร่วมกันคือ UMTS: Universal Mobile Telecommunication System โดยมีข้อกำหนดที่สำคัญคือการใช้ความถี่ 2 GHz และ ทุกประเทศที่ใช้ UMTS จะใช้ความถี่ที่ 5 MHz ต่อช่องสัญญาณ
ในขณะเดียวกันบริษัท Qualcomm ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ CDMAOne (IS95A/B) ได้นำเสนอเทคโนโลยี CDMA2000 ให้เป็นมาตรฐานของ 3G โดยยกข้อดีที่ใช้ความถี่กว้างเพียง 1.25 MHz และ ความสามารถที่นำไปใช้ได้ในคลื่นความถี่ต่างๆ กัน เช่น 800 MHz, 1800 MHz และ 1900 MHz โดยไม่จำกัดที่ความถี่ 2 GHz อย่างเช่นของ UMTS ระบบ CDMA20001x ยังมีแผนการพัฒนาระบบให้เร็วขึ้นไปเป็น CDMA20001xEV ที่ได้รับการรับรองเป็นส่วนหนึ่งของ มาตรฐาน IMT-2000 ที่ ITU กำหนด
ขณะนี้ CDMA2000 เปิดให้บริการมาเกือบ 2 ปี และเป็นระบบแรกของ IMT2000 ที่ใช้งานได้จริง ในประเทศเกาหลี SK Telecomm เปิดให้บริการในเดือนตุลาคม ปี2000 ใช้เทคโนโลยี CDMA 20001x และ ต่อมาเมื่อในเดือนมกราคม 2002 ก่อนการแข่งขันฟุตบอลโลก SK Telecom เปิดบริการ CDMA 20001x EV-DO (Evolution – Data only) ที่เพิ่มความเร็วในการส่งข้อมูลให้สูงถึง 204 Mbps ขณะนี้ทั่วโลกมีผู้ใช้บริการ CDMA2000 เป็นจำนวนถึง 15 ล้านคน (ขณะที่ UMTS ยังคงอยู่ในขั้นของการดำเนินงาน และ ยังไม่มี ผู้ให้บริการรายใดพร้อมที่จะให้บริการ -Aug,2002)
CDMA20001x เพิ่มความสามารถในการรองรับผู้ใช้โทรศัพท์ได้มากกว่าระบบ CDMAOne ถึงเท่าตัว รับส่งข้อมูลได้สูงสุดถึง 153 Kbps (Release 0) และ 307 Kbps (Release 1) เครื่องลูกค่ายของ CDMA2000 สามารถใช้งานกับNetwork CDMAOne ของระบบเดิมได้ และเครื่องลูกค่ายของ CDMAOne ก็สามารถใช้งานกับ Network ของ CDMA2000 ได้ การอัพเกรดระบบจึงมีผลกระทบกับผู้ใช้บริการน้อยมาก
CDMA2000 สามารถพัฒนาความเร็วให้มากขึ้น ในขั้น CDMA20001x EV-DO และ CDMA20001x EV-DV ที่ให้บริการได้ด้วยความเร็วมากกว่า 2 Mbps และ ค่าใช้จ่ายในการลงทุนถูกกว่าระบบ UMTS เพราะบริษัท KDDI (Japan) ลงทุนเพียง 25% สำหรับค่าใช้จ่ายในการอัพเกรดระบบจาก CDMAOne ให้เป็น CDMA20001x, เมื่อเทียบกับที่ NTT DoCoMo ใช้ลงทุนในระบบ FOMA (WCDMA)
บทสรุป
ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วโลกต่างลงทุนจำนวนมาก ในระบบการส่งสัญญาณของ เครือข่าย 3G ทั้ง CDMA20001x และ WCDMA ได้เพิ่มความเร็วในการรับส่งข้อมูล เปรียบได้กับการมีท่อส่ง ของที่ใหญ่ขึ้นรับ-ส่งได้เร็วขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “ของ” ที่ใช้รับส่งในท่อขนส่งต่างหาก ที่เพิ่มคุณค่า ของผู้ให้บริการและเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค ผู้ให้บริการเครือข่าย 3G จะต้องเพิ่มบริการต่างๆ พร้อมเนื้อหาที่ตรงความต้องการของผู้บริโภค จึงจะสามารถทำให้เกิด ความต้องการใช้งานระบบ 3G และ เพิ่มยอดผู้ใช้ระบบตามเป้าหมายที่วางไว้
เอกสารอ้างอิง
CDMA Wireless Academy Home page website, CDMA Development Group (http://www.cdg.org)
3G news information and 3G store website, (http://www.3g.co.uk)
3G Today, 3G CDMA by Qualcomm (http://www.3gtoday.com/index.html)
Thaitelecom.com (http://www.thaitelecom.com)
CDMA IS95 A/B Student Guide. Qualcomm
Basic of CDMA presentation, Qualcomm
3G Fact Sheet Oct 8, 2001, CDG.
Three-g Website (http://www.three-g.net)
กิจการโทรคมนาคมไทย : ฝ่ายภาคการผลิต ธนาคารแห่งประเทศไทย
ธุรกิจโทรคมนาคมปี 2544 และแนวโน้มปี 2545 : ธนาคารแห่งประเทศไทย
รายงานวิจัยเรื่อง สภาพตลาดโทรคมนาคมในต่างประเทศและประเทศไทย : สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI)
ทางเลือกของ 3G คือ CDMA
เมื่อปี 1999 The International Telecommunication Union (ITU) ซึ่งเป็นองค์กรกลางของ United Nation (UN) ได้รับรองมาตรฐานของเครือข่ายโทรคมนาคม ไร้สายยุคที่ 3 ไว้เป็นมาตรฐานของสัญญาณการส่งออกอากาศ เรียกว่า International Mobile Telecommunication 2000 (IMT-2000) ซึ่งได้มีข้อตกลงทั้งหมด 5 ประเภท 3ใน 5 ประเภท มีพื้นฐาน และ การพัฒนามาจาก CDMA แต่มีความแตกต่างกัน และ มีชื่อเรียกต่างกันไปคือ WCDMA, CDMA200, และ TD-SCDMA
ในมาตรฐานของ IMT-2000 นี้ ระบบ WCDMA และ CDMA2000 เป็นแบบที่มีความโดดเด่น และ มีการตกลงร่วมกันของบริษัทโทรคมนาคม ต่างที่จะใช้ทั้ง 2 ระบบนี้มากที่สุด
* ITU recommended “IMT-2000 Terrestrial Radio Interface”
ในประเทศแถบยุโรปผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ส่วนใหญ่ใช้ระบบ GSM และตกลงจะใช้ระบบ WCDMA ซึ่งมีการสร้างมาตรฐานร่วมกันคือ UMTS: Universal Mobile Telecommunication System โดยมีข้อกำหนดที่สำคัญคือการใช้ความถี่ 2 GHz และ ทุกประเทศที่ใช้ UMTS จะใช้ความถี่ที่ 5 MHz ต่อช่องสัญญาณ
ในขณะเดียวกันบริษัท Qualcomm ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ CDMAOne (IS95A/B) ได้นำเสนอเทคโนโลยี CDMA2000 ให้เป็นมาตรฐานของ 3G โดยยกข้อดีที่ใช้ความถี่กว้างเพียง 1.25 MHz และ ความสามารถที่นำไปใช้ได้ในคลื่นความถี่ต่างๆ กัน เช่น 800 MHz, 1800 MHz และ 1900 MHz โดยไม่จำกัดที่ความถี่ 2 GHz อย่างเช่นของ UMTS ระบบ CDMA20001x ยังมีแผนการพัฒนาระบบให้เร็วขึ้นไปเป็น CDMA20001xEV ที่ได้รับการรับรองเป็นส่วนหนึ่งของ มาตรฐาน IMT-2000 ที่ ITU กำหนด
ขณะนี้ CDMA2000 เปิดให้บริการมาเกือบ 2 ปี และเป็นระบบแรกของ IMT2000 ที่ใช้งานได้จริง ในประเทศเกาหลี SK Telecomm เปิดให้บริการในเดือนตุลาคม ปี2000 ใช้เทคโนโลยี CDMA 20001x และ ต่อมาเมื่อในเดือนมกราคม 2002 ก่อนการแข่งขันฟุตบอลโลก SK Telecom เปิดบริการ CDMA 20001x EV-DO (Evolution – Data only) ที่เพิ่มความเร็วในการส่งข้อมูลให้สูงถึง 204 Mbps ขณะนี้ทั่วโลกมีผู้ใช้บริการ CDMA2000 เป็นจำนวนถึง 15 ล้านคน (ขณะที่ UMTS ยังคงอยู่ในขั้นของการดำเนินงาน และ ยังไม่มี ผู้ให้บริการรายใดพร้อมที่จะให้บริการ -Aug,2002)
CDMA20001x เพิ่มความสามารถในการรองรับผู้ใช้โทรศัพท์ได้มากกว่าระบบ CDMAOne ถึงเท่าตัว รับส่งข้อมูลได้สูงสุดถึง 153 Kbps (Release 0) และ 307 Kbps (Release 1) เครื่องลูกค่ายของ CDMA2000 สามารถใช้งานกับNetwork CDMAOne ของระบบเดิมได้ และเครื่องลูกค่ายของ CDMAOne ก็สามารถใช้งานกับ Network ของ CDMA2000 ได้ การอัพเกรดระบบจึงมีผลกระทบกับผู้ใช้บริการน้อยมาก
CDMA2000 สามารถพัฒนาความเร็วให้มากขึ้น ในขั้น CDMA20001x EV-DO และ CDMA20001x EV-DV ที่ให้บริการได้ด้วยความเร็วมากกว่า 2 Mbps และ ค่าใช้จ่ายในการลงทุนถูกกว่าระบบ UMTS เพราะบริษัท KDDI (Japan) ลงทุนเพียง 25% สำหรับค่าใช้จ่ายในการอัพเกรดระบบจาก CDMAOne ให้เป็น CDMA20001x, เมื่อเทียบกับที่ NTT DoCoMo ใช้ลงทุนในระบบ FOMA (WCDMA)
บทสรุป
ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วโลกต่างลงทุนจำนวนมาก ในระบบการส่งสัญญาณของ เครือข่าย 3G ทั้ง CDMA20001x และ WCDMA ได้เพิ่มความเร็วในการรับส่งข้อมูล เปรียบได้กับการมีท่อส่ง ของที่ใหญ่ขึ้นรับ-ส่งได้เร็วขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “ของ” ที่ใช้รับส่งในท่อขนส่งต่างหาก ที่เพิ่มคุณค่า ของผู้ให้บริการและเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค ผู้ให้บริการเครือข่าย 3G จะต้องเพิ่มบริการต่างๆ พร้อมเนื้อหาที่ตรงความต้องการของผู้บริโภค จึงจะสามารถทำให้เกิด ความต้องการใช้งานระบบ 3G และ เพิ่มยอดผู้ใช้ระบบตามเป้าหมายที่วางไว้
เอกสารอ้างอิง
CDMA Wireless Academy Home page website, CDMA Development Group (http://www.cdg.org)
3G news information and 3G store website, (http://www.3g.co.uk)
3G Today, 3G CDMA by Qualcomm (http://www.3gtoday.com/index.html)
Thaitelecom.com (http://www.thaitelecom.com)
CDMA IS95 A/B Student Guide. Qualcomm
Basic of CDMA presentation, Qualcomm
3G Fact Sheet Oct 8, 2001, CDG.
Three-g Website (http://www.three-g.net)
กิจการโทรคมนาคมไทย : ฝ่ายภาคการผลิต ธนาคารแห่งประเทศไทย
ธุรกิจโทรคมนาคมปี 2544 และแนวโน้มปี 2545 : ธนาคารแห่งประเทศไทย
รายงานวิจัยเรื่อง สภาพตลาดโทรคมนาคมในต่างประเทศและประเทศไทย : สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI)
ความเป็นมา 3G
ผมเห็นถามกันเป็นประจำ เลยเอามาให้อ่านๆ กันไปเลย ศึกษากันดูแล้วกันครับ เป็นความรู้ที่ดีทีเดียว
ยุค 1G เป็นยุคแรกของการพัฒนาระบบโทรศัพท์แบบเซลลูลาร์ การรับส่งสัญญาณใช้วิธีการมอดูเลตสัญญาณอะนาล็อกเข้าช่องสื่อสารโดยใช้การแบ่งความถี่ออกมาเป็นช่องเล็ก ๆ ด้วยวิธีการนี้มีข้อจำกัดในเรื่องจำนวนช่องสัญญาณ และการใช้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จึงติดขัดเรื่องการขยายจำนวนเลขหมาย และการขยายแถบความถี่ ประจวบกับระบบเครื่องรับส่งสัญญาณวิทยุกำหนดขนาดของเซล และความแรงของสัญญาณเพื่อให้เข้าถึงสถานีเบสได้ ตัวเครื่องโทรศัพท์เซลลูลาร์ยังมีขนาดใหญ่ ใช้กำลังงานไฟฟ้ามาก ในภายหลังจึงเปลี่ยนมาเป็นระบบดิจิตอล และการเข้าช่องสัญญาณแบบแบ่งเวลา โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบ 1G จึงใช้เฉพาะในยุคแรกเท่านั้น
ยุค 2G เป็นยุคที่พัฒนาต่อมาโดยการเข้ารหัสสัญญาณเสียง โดยบีบอัดสัญญาณเสียงในรูปแบบดิจิตอล ให้มีขนาดจำนวนข้อมูลน้อยลงเหลือเพียงประมาณ 9 กิโลบิตต่อวินาที ต่อช่องสัญญาณ การติดต่อจากสถานีลูก หรือตัวโทรศัพท์เคลื่อนที่กับสถานีเบส ใช้วิธีการสองแบบคือ TDMA คือการแบ่งช่องเวลาออกเป็นช่องเล็ก ๆ และแบ่งกันใช้ ทำให้ใช้ช่องสัญญาณความถี่วิทยุได้เพิ่มขึ้นจากเดิมอีกมาก กับอีกแบบหนึ่งเป็นการแบ่งการเข้าถึงตามการเข้ารหัส และการถอดรหัสโดยใส่แอดเดรสหมือน IP เราเรียกวิธีการนี้ว่า CDMA - Code Division Multiple Access ในยุค 2G จึงเป็นการรับส่งสัญญาณโทรศัพท์แบบดิจิตอลหมดแล้ว
ยุค 3G เป็นยุคแห่งอนาคตอันใกล้ โดยสร้างระบบใหม่ให้รองรับระบบเก่าได้ และเรียกว่า Universal Mobile Telecommunication Systems (UMTS) โดยมุ่งหวังว่า การเข้าถึงเครือข่ายแบบไร้สาย สามารถกระทำได้ด้วยอุปกรณ์หลากหลาย เช่น จากคอมพิวเตอร์ จากเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ระบบยังคงใช้การเข้าช่องสัญญาณเป็นแบบ CDMA ซึ่งสามารถบรรจุช่องสัญญาณเสียงได้มากกว่า แต่ใช้แบบแถบกว้าง (wideband) ในระบบนี้จึงเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า WCDMA
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มบริษัทบางบริษัทแยกการพัฒนาในรุ่น 3G เป็นแบบ CDMA เช่นกัน แต่เรียกว่า CDMA2000 กลุ่มบริษัทนี้พัฒนารากฐานมาจาก IS95 ซึ่งใช้ในสหรัฐอเมริกา และยังขยายรูปแบบเป็นการรับส่งในช่องสัญญาณที่ได้อัตราการรับส่งสูง (HDR-High Data Rate) การพัฒนาในยุคที่สามนี้ยังต้องการความเกี่ยวโยงกับการใช้งานร่วมในเทคโนโลยีเก่าอีกด้วย โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาที่ยังคงให้ใช้งานได้ทั้งแบบ 1G และ 2G โดยเรียกรูปแบบใหม่เพื่อการส่งเป็นแพ็กเก็ตว่า GPRS-General Packet Radio Service ซึ่งส่งด้วยอัตราความเร็วตั้งแต่ 9.06, 13.4, 15.6 และ 21.4 กิโลบิตต่อวินาที โดยในการพัฒนาต่อจาก GPRS ให้เป็นระบบ 3G เรียกระบบใหม่ว่า EDGE-Enhanced Data Rate for GSM Evolution
ปัญหาสำคัญของระบบไร้สาย
การที่พัฒนาการของการสื่อสารไร้สายและระบบติดตามตัวยังไปได้ไม่ทันใจ ทั้งนี้เพราะมีอุปสรรคและปัญหาที่สำคัญ ซึ่งเป็นปัญหาหลักสี่ประการคือ
1. ระบบไร้สายใช้อัตราการรับส่งข้อมูลได้ต่ำ
2. ค่าบริการค่อนข้างแพง
3. โมเด็มรับส่งแบบคลื่นวิทยุ ใช้กำลังงานไฟฟ้าสูง
4. ระบบยูสเซอร์อินเตอร์เฟสที่ใช้กับระบบติดตามตัวยังไม่ดี ไม่เหมาะกับการใช้งานขณะเคลื่อนที่
ปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาที่ระบบไร้สายในยุค 3G ต้องแก้ไขให้ได้ให้หมด โดยเฉพาะระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ต้องเพิ่มอัตราการรับส่งข้อมูลให้ได้มาก เพื่อจะส่งรูปภาพหรือภาพเคลื่อนไหวได้ ต้องมีอัตราค่าใช้บริการที่ถูกลง และเครื่องที่ใช้ต้องใช้กำลังงานต่ำเพื่อจะใช้ได้นาน ส่วนระบบการเชื่อมต่อในปัจจุบันก็ก้าวมาในรูปแบบ WAP - Wireless Application Protocol หรือที่เรียก ย่อ ๆ ว่า WAP
รูปแบบของการเอาชนะปัญหาสี่ข้อเป็นเรื่องที่ท้าทายและจะต้องทำให้ได้ ระบบ 3G ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ได้ตั้งเป้าหมายไว้เรียบร้อยแล้ว
ในระบบ 2G ใช้เทคโนโลยีการเข้าสู่ช่องสื่อสารทั้งแบบ TDMA คือ แบ่งช่องเวลา และ CDMA คือ การเข้ารหัส แล้วส่งในช่องสื่อสารที่มีแถบกว้างเต็มช่อง ซึ่งแบบ CDMA ก็เหมือนกับการรับส่งเป็นแพ็กเก็ต โดยมีแอดเดรสประจำในแพ็กเก็ตนั่นเอง
ระบบ 3G เป็นระบบที่ใช้ WCDMA ซึ่งก็เน้นการรับส่งเป็นแพ็กเก็ตนั่นเอง ระบบ WCDMA จึงเน้นช่องสื่อสารขนาดใหญ่ที่แบ่งการใช้งานโดยการเข้ารหัสแล้วส่งเป็นแพ็กเก็ต เพื่อให้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพสูงสุด
การหาเส้นทางและการเดินทางของแพ็กเก็ตข้อมูล จึงต้องอาศัยสวิตชิ่ง และระบบ IP แพ็กเก็ตจะเข้ามามีบทบาทที่สำคัญที่จะรวมเครือข่ายต่าง ๆ ให้เป็นเครือข่ายเดียว (Unity Communication)
จากข้อมูลพอสรุปได้คร่าวๆ ดังนี้
-ยุค 1G ยังมีปัญหาเรื่องช่องสัญญาณและอุปกรณ์ที่ใช้จึงมีขนาดใหญ่ ( ดูได้จากตัวโทรศัพ ) และยังเป็นการส่งข้อมูลได้เฉพาะ เสียง ตัวอักษร
-ยุค 2G มีสิ่งใหม่ๆ ที่แตกต่างจาก 1G โดยสิ้นเชิงที่นอกเหนือไปจากการส่งข้อมุลตัวอักษร และเสียง สิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือ GPRS และการรองรับมัลติมีเดี่ย บนช่องทางในระบบสื่อสารแบบไร้สาย
-ยุค 3G สิ่งที่แตกต่างจาก 2G เห็นได้หลักๆ คือ ความเร็วในการส่งข้อมูล ทำให้สิ่งที่ตามมาก็คือ ทำให้สามารถใช้ VDO Call ได้ อันเนื่องมาจากความเร็วในการส่งสัญญาณ
พอจะสรุปคร่าวๆ ได้ดังนี้
GPRS=General Packet Radio Services
1G=First Generation
2G=Second Generation
3G=Third Generation
EDGE=Enhanced Data Rates for GSM Evolution/Enhanced Data Rates for Global Evolution
CDMA=Code Divison multiple Accees
WCDMA=Wideband Code Divison multiple Accees
UMTS=Universal Mobile Telecommunications System
อ้างอิงจาก
http://www.ku.ac.th/magazine_online/wirless.html
ยุค 1G เป็นยุคแรกของการพัฒนาระบบโทรศัพท์แบบเซลลูลาร์ การรับส่งสัญญาณใช้วิธีการมอดูเลตสัญญาณอะนาล็อกเข้าช่องสื่อสารโดยใช้การแบ่งความถี่ออกมาเป็นช่องเล็ก ๆ ด้วยวิธีการนี้มีข้อจำกัดในเรื่องจำนวนช่องสัญญาณ และการใช้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จึงติดขัดเรื่องการขยายจำนวนเลขหมาย และการขยายแถบความถี่ ประจวบกับระบบเครื่องรับส่งสัญญาณวิทยุกำหนดขนาดของเซล และความแรงของสัญญาณเพื่อให้เข้าถึงสถานีเบสได้ ตัวเครื่องโทรศัพท์เซลลูลาร์ยังมีขนาดใหญ่ ใช้กำลังงานไฟฟ้ามาก ในภายหลังจึงเปลี่ยนมาเป็นระบบดิจิตอล และการเข้าช่องสัญญาณแบบแบ่งเวลา โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบ 1G จึงใช้เฉพาะในยุคแรกเท่านั้น
ยุค 2G เป็นยุคที่พัฒนาต่อมาโดยการเข้ารหัสสัญญาณเสียง โดยบีบอัดสัญญาณเสียงในรูปแบบดิจิตอล ให้มีขนาดจำนวนข้อมูลน้อยลงเหลือเพียงประมาณ 9 กิโลบิตต่อวินาที ต่อช่องสัญญาณ การติดต่อจากสถานีลูก หรือตัวโทรศัพท์เคลื่อนที่กับสถานีเบส ใช้วิธีการสองแบบคือ TDMA คือการแบ่งช่องเวลาออกเป็นช่องเล็ก ๆ และแบ่งกันใช้ ทำให้ใช้ช่องสัญญาณความถี่วิทยุได้เพิ่มขึ้นจากเดิมอีกมาก กับอีกแบบหนึ่งเป็นการแบ่งการเข้าถึงตามการเข้ารหัส และการถอดรหัสโดยใส่แอดเดรสหมือน IP เราเรียกวิธีการนี้ว่า CDMA - Code Division Multiple Access ในยุค 2G จึงเป็นการรับส่งสัญญาณโทรศัพท์แบบดิจิตอลหมดแล้ว
ยุค 3G เป็นยุคแห่งอนาคตอันใกล้ โดยสร้างระบบใหม่ให้รองรับระบบเก่าได้ และเรียกว่า Universal Mobile Telecommunication Systems (UMTS) โดยมุ่งหวังว่า การเข้าถึงเครือข่ายแบบไร้สาย สามารถกระทำได้ด้วยอุปกรณ์หลากหลาย เช่น จากคอมพิวเตอร์ จากเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ระบบยังคงใช้การเข้าช่องสัญญาณเป็นแบบ CDMA ซึ่งสามารถบรรจุช่องสัญญาณเสียงได้มากกว่า แต่ใช้แบบแถบกว้าง (wideband) ในระบบนี้จึงเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า WCDMA
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มบริษัทบางบริษัทแยกการพัฒนาในรุ่น 3G เป็นแบบ CDMA เช่นกัน แต่เรียกว่า CDMA2000 กลุ่มบริษัทนี้พัฒนารากฐานมาจาก IS95 ซึ่งใช้ในสหรัฐอเมริกา และยังขยายรูปแบบเป็นการรับส่งในช่องสัญญาณที่ได้อัตราการรับส่งสูง (HDR-High Data Rate) การพัฒนาในยุคที่สามนี้ยังต้องการความเกี่ยวโยงกับการใช้งานร่วมในเทคโนโลยีเก่าอีกด้วย โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาที่ยังคงให้ใช้งานได้ทั้งแบบ 1G และ 2G โดยเรียกรูปแบบใหม่เพื่อการส่งเป็นแพ็กเก็ตว่า GPRS-General Packet Radio Service ซึ่งส่งด้วยอัตราความเร็วตั้งแต่ 9.06, 13.4, 15.6 และ 21.4 กิโลบิตต่อวินาที โดยในการพัฒนาต่อจาก GPRS ให้เป็นระบบ 3G เรียกระบบใหม่ว่า EDGE-Enhanced Data Rate for GSM Evolution
ปัญหาสำคัญของระบบไร้สาย
การที่พัฒนาการของการสื่อสารไร้สายและระบบติดตามตัวยังไปได้ไม่ทันใจ ทั้งนี้เพราะมีอุปสรรคและปัญหาที่สำคัญ ซึ่งเป็นปัญหาหลักสี่ประการคือ
1. ระบบไร้สายใช้อัตราการรับส่งข้อมูลได้ต่ำ
2. ค่าบริการค่อนข้างแพง
3. โมเด็มรับส่งแบบคลื่นวิทยุ ใช้กำลังงานไฟฟ้าสูง
4. ระบบยูสเซอร์อินเตอร์เฟสที่ใช้กับระบบติดตามตัวยังไม่ดี ไม่เหมาะกับการใช้งานขณะเคลื่อนที่
ปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาที่ระบบไร้สายในยุค 3G ต้องแก้ไขให้ได้ให้หมด โดยเฉพาะระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ต้องเพิ่มอัตราการรับส่งข้อมูลให้ได้มาก เพื่อจะส่งรูปภาพหรือภาพเคลื่อนไหวได้ ต้องมีอัตราค่าใช้บริการที่ถูกลง และเครื่องที่ใช้ต้องใช้กำลังงานต่ำเพื่อจะใช้ได้นาน ส่วนระบบการเชื่อมต่อในปัจจุบันก็ก้าวมาในรูปแบบ WAP - Wireless Application Protocol หรือที่เรียก ย่อ ๆ ว่า WAP
รูปแบบของการเอาชนะปัญหาสี่ข้อเป็นเรื่องที่ท้าทายและจะต้องทำให้ได้ ระบบ 3G ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ได้ตั้งเป้าหมายไว้เรียบร้อยแล้ว
ในระบบ 2G ใช้เทคโนโลยีการเข้าสู่ช่องสื่อสารทั้งแบบ TDMA คือ แบ่งช่องเวลา และ CDMA คือ การเข้ารหัส แล้วส่งในช่องสื่อสารที่มีแถบกว้างเต็มช่อง ซึ่งแบบ CDMA ก็เหมือนกับการรับส่งเป็นแพ็กเก็ต โดยมีแอดเดรสประจำในแพ็กเก็ตนั่นเอง
ระบบ 3G เป็นระบบที่ใช้ WCDMA ซึ่งก็เน้นการรับส่งเป็นแพ็กเก็ตนั่นเอง ระบบ WCDMA จึงเน้นช่องสื่อสารขนาดใหญ่ที่แบ่งการใช้งานโดยการเข้ารหัสแล้วส่งเป็นแพ็กเก็ต เพื่อให้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพสูงสุด
การหาเส้นทางและการเดินทางของแพ็กเก็ตข้อมูล จึงต้องอาศัยสวิตชิ่ง และระบบ IP แพ็กเก็ตจะเข้ามามีบทบาทที่สำคัญที่จะรวมเครือข่ายต่าง ๆ ให้เป็นเครือข่ายเดียว (Unity Communication)
จากข้อมูลพอสรุปได้คร่าวๆ ดังนี้
-ยุค 1G ยังมีปัญหาเรื่องช่องสัญญาณและอุปกรณ์ที่ใช้จึงมีขนาดใหญ่ ( ดูได้จากตัวโทรศัพ ) และยังเป็นการส่งข้อมูลได้เฉพาะ เสียง ตัวอักษร
-ยุค 2G มีสิ่งใหม่ๆ ที่แตกต่างจาก 1G โดยสิ้นเชิงที่นอกเหนือไปจากการส่งข้อมุลตัวอักษร และเสียง สิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือ GPRS และการรองรับมัลติมีเดี่ย บนช่องทางในระบบสื่อสารแบบไร้สาย
-ยุค 3G สิ่งที่แตกต่างจาก 2G เห็นได้หลักๆ คือ ความเร็วในการส่งข้อมูล ทำให้สิ่งที่ตามมาก็คือ ทำให้สามารถใช้ VDO Call ได้ อันเนื่องมาจากความเร็วในการส่งสัญญาณ
พอจะสรุปคร่าวๆ ได้ดังนี้
GPRS=General Packet Radio Services
1G=First Generation
2G=Second Generation
3G=Third Generation
EDGE=Enhanced Data Rates for GSM Evolution/Enhanced Data Rates for Global Evolution
CDMA=Code Divison multiple Accees
WCDMA=Wideband Code Divison multiple Accees
UMTS=Universal Mobile Telecommunications System
อ้างอิงจาก
http://www.ku.ac.th/magazine_online/wirless.html
มาทำความรู้จักกับ 3G กันดีกว่า
มาทำความรู้จักกับ 3G กันดีกว่า
เทคโนโลยี 3G คืออะไร
3G หรือ Third Generation เป็นเทคโนโลยีการสื่อสารในยุคที่ 3 อุปกรณ์การสื่อสารยุคที่ 3 นั้นจะเป็นอุปกรณ์ที่ผสมผสาน การนำเสนอข้อมูล และ เทคโนโลยีในปัจจุบันเข้าด้วยกัน เช่น PDA โทรศัพท์มือถือ Walkman, กล้องถ่ายรูป และ อินเทอร์เน็ต
3G เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อเนื่องจากยุคที่ 2 และ 2.5 ซึ่งเป็นยุคที่มีการให้บริการระบบเสียง และ การส่งข้อมูลในขั้นต้น ทั้งยังมีข้อจำกัดอยู่มาก การพัฒนาของ 3G ทำให้เกิดการใช้บริการมัลติมีเดีย และ ส่งผ่านข้อมูลในระบบไร้สายด้วยอัตราความเร็วที่สูงขึ้น
ลักษณะการทำงานของ 3G
เมื่อเปรียบเทียบเทคโนโลยี 2G กับ 3G แล้ว 3G มีช่องสัญญาณความถี่ และ ความจุในการรับส่งข้อมูลที่มากกว่า ทำให้ประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูลแอพพลิเคชั่น รวมทั้งบริการระบบเสียงดีขึ้น พร้อมทั้งสามารถใช้ บริการมัลติมีเดียได้เต็มที่ และ สมบูรณ์แบบขึ้น เช่น บริการส่งแฟกซ์, โทรศัพท์ต่างประเทศ ,รับ-ส่งข้อความที่มีขนาดใหญ่ ,ประชุมทางไกลผ่านหน้าจออุปกรณ์สื่อสาร, ดาวน์โหลดเพลง, ชมภาพยนตร์แบบสั้นๆ
เทคโนโลยี 3G น่าสนใจอย่างไร
จากการที่ 3G สามารถรับส่งข้อมูลในความเร็วสูง ทำให้การติดต่อสื่อสารเป็นไปได้ อย่างรวดเร็ว และ มีรูปแบบใหม่ๆ มากขึ้น ประกอบกับอุปกรณ์สื่อสารไร้สายในระบบ 3G สามารถให้บริการระบบเสียง และ แอพพลิเคชั่นรูปแบบใหม่ เช่น จอแสดงภาพสี, เครื่องเล่น mp3, เครื่องเล่นวีดีโอ การดาวน์โหลดเกม, แสดงกราฟฟิก และ การแสดงแผนที่ตั้งต่างๆ ทำให้การสื่อสารเป็นแบบอินเตอร์แอคทีฟ ที่สร้างความสนุกสนาน และ สมจริงมากขึ้น
3G ช่วยให้ชีวิตประจำวันสะดวกสบายและคล่องตัวขึ้น โดย โทรศัพท์เคลื่อนที่เปรียบเสมือน คอมพิวเตอร์แบบพกพา, วิทยุส่วนตัว และแม้แต่กล้องถ่ายรูป ผู้ใช้สามารถเช็คข้อมูลใน account ส่วนตัว เพื่อใช้บริการต่างๆ ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ เช่น self-care (ตรวจสอบค่าใช้บริการ), แก้ไขข้อมูลส่วนตัว และ ใช้บริการข้อมูลต่างๆ เช่น ข่าวเกาะติดสถานการณ์, ข่าวบันเทิง, ข้อมูลด้านการเงิน, ข้อมูลการท่องเที่ยว และ ตารางนัดหมายส่วนตัว
“Always On”
คุณสมบัติหลักของ 3G คือ มีการเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายของ 3G ตลอดเวลาที่เราเปิดเครื่องโทรศัพท์ (always on) นั่นคือไม่จำเป็นต้องต่อโทรศัพท์เข้าเครือข่าย และ log-in ทุกครั้งเพื่อใช้บริการรับส่งข้อมูล ซึ่งการเสียค่าบริการแบบนี้ จะเกิดขึ้นเมื่อมีการเรียกใช้ข้อมูลผ่านเครือข่ายเท่านั้น โดยจะต่างจากระบบทั่วไป ที่จะเสียค่าบริการตั้งแต่เราล็อกอินเข้าในระบบเครือข่าย
อุปกรณ์สื่อสารไร้สายระบบ 3G
สำหรับ 3G อุปกรณ์สื่อสารไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่โทรศัพท์เท่านั้น แต่ยังปรากฏในรูปแบบของอุปกรณ์ สื่อสารอื่น เช่น Palmtop, Personal Digital Assistant (PDA), Laptop และ PC
ที่มา : http://www.hutch.co.th/msites/a01_aboutcdma/03.html
เทคโนโลยี 3G คืออะไร
3G หรือ Third Generation เป็นเทคโนโลยีการสื่อสารในยุคที่ 3 อุปกรณ์การสื่อสารยุคที่ 3 นั้นจะเป็นอุปกรณ์ที่ผสมผสาน การนำเสนอข้อมูล และ เทคโนโลยีในปัจจุบันเข้าด้วยกัน เช่น PDA โทรศัพท์มือถือ Walkman, กล้องถ่ายรูป และ อินเทอร์เน็ต
3G เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อเนื่องจากยุคที่ 2 และ 2.5 ซึ่งเป็นยุคที่มีการให้บริการระบบเสียง และ การส่งข้อมูลในขั้นต้น ทั้งยังมีข้อจำกัดอยู่มาก การพัฒนาของ 3G ทำให้เกิดการใช้บริการมัลติมีเดีย และ ส่งผ่านข้อมูลในระบบไร้สายด้วยอัตราความเร็วที่สูงขึ้น
ลักษณะการทำงานของ 3G
เมื่อเปรียบเทียบเทคโนโลยี 2G กับ 3G แล้ว 3G มีช่องสัญญาณความถี่ และ ความจุในการรับส่งข้อมูลที่มากกว่า ทำให้ประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูลแอพพลิเคชั่น รวมทั้งบริการระบบเสียงดีขึ้น พร้อมทั้งสามารถใช้ บริการมัลติมีเดียได้เต็มที่ และ สมบูรณ์แบบขึ้น เช่น บริการส่งแฟกซ์, โทรศัพท์ต่างประเทศ ,รับ-ส่งข้อความที่มีขนาดใหญ่ ,ประชุมทางไกลผ่านหน้าจออุปกรณ์สื่อสาร, ดาวน์โหลดเพลง, ชมภาพยนตร์แบบสั้นๆ
เทคโนโลยี 3G น่าสนใจอย่างไร
จากการที่ 3G สามารถรับส่งข้อมูลในความเร็วสูง ทำให้การติดต่อสื่อสารเป็นไปได้ อย่างรวดเร็ว และ มีรูปแบบใหม่ๆ มากขึ้น ประกอบกับอุปกรณ์สื่อสารไร้สายในระบบ 3G สามารถให้บริการระบบเสียง และ แอพพลิเคชั่นรูปแบบใหม่ เช่น จอแสดงภาพสี, เครื่องเล่น mp3, เครื่องเล่นวีดีโอ การดาวน์โหลดเกม, แสดงกราฟฟิก และ การแสดงแผนที่ตั้งต่างๆ ทำให้การสื่อสารเป็นแบบอินเตอร์แอคทีฟ ที่สร้างความสนุกสนาน และ สมจริงมากขึ้น
3G ช่วยให้ชีวิตประจำวันสะดวกสบายและคล่องตัวขึ้น โดย โทรศัพท์เคลื่อนที่เปรียบเสมือน คอมพิวเตอร์แบบพกพา, วิทยุส่วนตัว และแม้แต่กล้องถ่ายรูป ผู้ใช้สามารถเช็คข้อมูลใน account ส่วนตัว เพื่อใช้บริการต่างๆ ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ เช่น self-care (ตรวจสอบค่าใช้บริการ), แก้ไขข้อมูลส่วนตัว และ ใช้บริการข้อมูลต่างๆ เช่น ข่าวเกาะติดสถานการณ์, ข่าวบันเทิง, ข้อมูลด้านการเงิน, ข้อมูลการท่องเที่ยว และ ตารางนัดหมายส่วนตัว
“Always On”
คุณสมบัติหลักของ 3G คือ มีการเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายของ 3G ตลอดเวลาที่เราเปิดเครื่องโทรศัพท์ (always on) นั่นคือไม่จำเป็นต้องต่อโทรศัพท์เข้าเครือข่าย และ log-in ทุกครั้งเพื่อใช้บริการรับส่งข้อมูล ซึ่งการเสียค่าบริการแบบนี้ จะเกิดขึ้นเมื่อมีการเรียกใช้ข้อมูลผ่านเครือข่ายเท่านั้น โดยจะต่างจากระบบทั่วไป ที่จะเสียค่าบริการตั้งแต่เราล็อกอินเข้าในระบบเครือข่าย
อุปกรณ์สื่อสารไร้สายระบบ 3G
สำหรับ 3G อุปกรณ์สื่อสารไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่โทรศัพท์เท่านั้น แต่ยังปรากฏในรูปแบบของอุปกรณ์ สื่อสารอื่น เช่น Palmtop, Personal Digital Assistant (PDA), Laptop และ PC
ที่มา : http://www.hutch.co.th/msites/a01_aboutcdma/03.html
Toshiba Satellite L300 Laptop Computer
Toshiba Satellite L300 Laptop Computer
The Satellite L300D-01N is an affordable laptop that comes with the reassurance of Toshiba’s well known quality. Everyday computing tasks are no problem at all with AMD processors, a SuperMulti Double Layer drive and a 15.4″ TruBrite widescreen. Built in WiFi wireless technology, modem and ethernet port provide a wide range of connection options to the internet or home network. The Toshiba Satellite L300D-01N Laptop Computer also features a webcam integrated into the chassis, ideal for video calls, and has face recognition technology which allows easy logon to Windows.
Toshiba Satellite L300 Laptop Computer
Tablet PC ตัวใหม่จอ 12 นิ้วจาก Toshiba
Tablet PC ตัวใหม่จอ 12 นิ้วจาก Toshiba
Toshiba เปิดตัว Tablet PC รุ่นใหม่ Portege M750 ซึ่งใช้จอภาพขนาด 12 นิ้ว และมาพร้อมกับเทคโนโลยี Centrino 2
เครื่องรุ่นนี้เเลือกใช้ซีพียู Intel Core 2 Duo พร้อมระบบกราฟิก Intel GMA 4500MHD และมีออปติคอลไดรฟ์ในตัว จอภาพเป็นระบบสัมผัสรองรับทั้งการใช้ปากกาสไตลลัสและการใช้ปลายนิ้วจิ้มหน้าจอ ส่วนจอภาพนั้นมีขนาด 12 นิ้ว ให้ความละเอียดได้ที่ 1280×800 พิกเซล แบ็คไลท์ของจอภาพเป็นแบบ LED
สำหรับสเปกนั้นมีอยู่ 2 รุ่นด้วยกัน เริ่มจาก M750-S7201 ซีพียู Intel Core 2 Duo P8400 ความเร็ว 2.26 กิกะเฮิรตซ์ และรุ่น M750-S7202 ใช้ซีพียู Intel Core 2 Duo P8600 ความเร็ว 2.4 กิกะเฮิรตซ์ ทั้งสองรุ่นมีหน่วยความจำ DDR2 ขนาด 2 กิกะไบต์ ฮาร์ดดิสก์ความจุ 160 กิกะไต์ มี DVD ในตัว กล้อเงเว็บแคม ตัวอ่านลายนิ้วมือ และระบบรักษาความปลอดภัย TPM 1.2
ระบบการเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi Link 5100AGN (802.11a/g/n), Bluetooth, ระบบแลนแบบ Gigabit, โมเด็ม 56K มี USB ให้ 2 พอร์ต พร้อมกับพอร์ต USB/eSATA ที่สนับสนุนฟังก์ชัน Sleep and Charge ซึ่งเป็นจุดเด่นของโน้ตบุ๊กโตชิบาเลยครับ นอกจากนี้ยังมี PC Card Slot, 7-in-1 media card reader, Firewire และพอร์ต่อจอภาพ VGA OUT
ระบบปฏิบัติการที่ให้มาเป็น Windows Vista Business พร้อมเทคโนโลยี Intel vPro ที่เสริมเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล สำหรับราคา M750-S7201 อยู่ที่ 1,699 ดอลลาร์ ส่วนรุ่น M750-S7202 อยู่ที่ 1,799 ดออลาร์ครับ
Tablet PC ตัวใหม่จอ 12 นิ้วจาก Toshiba
Toshiba เปิดตัวโน้ตบุ๊ก Centrion 2 สำหรับธุรกิจ 2 รุ่น Satellite Pro S300 และ S300M
Toshiba Satellite Pro S300-EZ1511 Notebook
Toshiba เปิดตัวโน้ตบุ๊ก Centrion 2 สำหรับธุรกิจ 2 รุ่น Satellite Pro S300 และ S300M
Toshiba เปิดตัวโน้ตบุ๊ก 2 รุ่น Satellite Pro S300 หน้าจอ 15.4 นิ้ว และ Satellite Pro S300M จอภาพ 14.1 นิ้ง ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับเทคโนโลยี Centrino 2 ระบบกราฟิกเป็น Intel GMA 4500MHD มีหน่วยความจำความจุ 2 กิกะไบต์ และ 3 กิกะไบต์ให้เลือกในแต่ละรุ่น ฮาร์ดดิสก์ความจุ 250 กิกะไบต์ และมี DVD Writer มาให้ในตัว สำหรับความละเอียดของจอภาพทำได้ที่ 1280×800 พิกเซล ระบบการเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi เป็นรุ่น Wi-Fi Link 5100AGN
ระบบแลนรองรับ Gigabit Ehternet มีโมเด็ม 56K มาให้ด้วย พร้อม Bluetooth และตัวอ่านลายนิ้วมือ สำหรับพอร์ตนั้นมี USB 3 พอร์ตด้วยกัน ซึ่ง 1 ใน 3 พอร์ตที่มีจะแชร์การใช้งานร่วมกับพอร์ต eSATA ครับ ซึ่งมีฟังก์ชันที่เรียกว่า Sleep and Charge เข้าไปด้วย คือเอาไว้ชาร์จอุปกรณ์ผ่านพอร์ตได้อีกด้วย นอจากนี้ยังมีพอร์ต Firewire, Serial, VGA Port และช่องอ่านการ์ดหน่วยความจำ
ระบบปฏิบัติการเป็น Windows Vista ในรุ่น S300 นั้นราคา 829 ดอลลาร์ ส่วนรุ่น S300M ราคา 899 ดอลลาร์ มีประกันมาตรฐานให้ 2 ปี
Toshiba เปิดตัวโน้ตบุ๊ก Centrion 2 สำหรับธุรกิจ 2 รุ่น Satellite Pro S300 และ S300M
Toshiba Launches 400GB 2.5-inch HDD 7,200rpm Drives
Toshiba Launches 400GB 2.5-inch HDD 7,200rpm Drives
Toshiba Corporation today announced a new line-up of high performance 2.5-inch HDDs, including a low-noise flagship model that boosts areal density to 477Mbit/mm2 (308Gbpsi) to achieve a capacity of 400GB on just two platters, plus five drives that bring new levels of performance and 7,200rpm rotational speeds to the company’s full range of storage capacities.
Mass production of the 400GB MK4058GSX will start from September, targeting notebook PC and consumer electronic applications. Mass production of the 7,200rpm drives will start in August. The line-up includes the 320GB MK3254GSY and models with 80, 120, 160 and 250GB capacities.
Toshiba will feature the new drives at DISKCON JAPAN 2008, organized by The International Disk Drive Equipment and Materials Association (IDEMA), which will be held in Tokyo, Japan, from July 22 to 23, and at IFA 2008, one of the world’s largest consumer electronics trade fairs, which will be held in Berlin, Germany, from August 29 to September 3.
The MK4058GSX uses an improved read-write head and enhanced magnetic layer to boost areal density to 477Mbit/mm2 and achieve a capacity of 400GB on only two platters, the highest data density of any of Toshiba’s 2.5-inch HDD. A further plus is that acoustic noise during data seek has been reduced by 2 decibels (dB), compared to the company’s current top-of-the-line 320GB MK3252GSX, making operation almost inaudible. As a result, the new 400GB drive is ideally suited for noise-free playback of movies and music on notebook PCs and digital products. These advances are complemented by an improved energy consumption efficiency*2 that makes the MK4058GSX approximately 20% more efficient than Toshiba’s current top-of-the-line MK3252GSX.
The five other drives that Toshiba has added to its line-up take full advantage of a 7,200rpm rotation speed to boost performance. Compared to the current 200GB model (MK2049GSY), the 320GB MK3254GSY improves maximum internal data transfers rate by approximately 14% to support high-speed processing of high volume data, meeting demand for notebook and desktop PCs offering faster performance. The 320GB drives is also 37% more efficient than the MK2049GSY in terms of energy consumption efficiency*2. All of the drives, available in a line-up of 80, 120, 160, 250 and 320GB capacities, support an optional Free Fall Sensor function, that detects a falling HDD and parks the head before impact.
All the new drives comply with the European Union’s RoHS directive*3 for eliminating use of six hazardous substances in electrical and electronic equipment, and the MK4058GSX is Toshiba’s first halogen-free*4 2.5-inch HDD.
Toshiba Corporation today announced a new line-up of high performance 2.5-inch HDDs, including a low-noise flagship model that boosts areal density to 477Mbit/mm2 (308Gbpsi) to achieve a capacity of 400GB on just two platters, plus five drives that bring new levels of performance and 7,200rpm rotational speeds to the company’s full range of storage capacities.
Mass production of the 400GB MK4058GSX will start from September, targeting notebook PC and consumer electronic applications. Mass production of the 7,200rpm drives will start in August. The line-up includes the 320GB MK3254GSY and models with 80, 120, 160 and 250GB capacities.
Toshiba will feature the new drives at DISKCON JAPAN 2008, organized by The International Disk Drive Equipment and Materials Association (IDEMA), which will be held in Tokyo, Japan, from July 22 to 23, and at IFA 2008, one of the world’s largest consumer electronics trade fairs, which will be held in Berlin, Germany, from August 29 to September 3.
The MK4058GSX uses an improved read-write head and enhanced magnetic layer to boost areal density to 477Mbit/mm2 and achieve a capacity of 400GB on only two platters, the highest data density of any of Toshiba’s 2.5-inch HDD. A further plus is that acoustic noise during data seek has been reduced by 2 decibels (dB), compared to the company’s current top-of-the-line 320GB MK3252GSX, making operation almost inaudible. As a result, the new 400GB drive is ideally suited for noise-free playback of movies and music on notebook PCs and digital products. These advances are complemented by an improved energy consumption efficiency*2 that makes the MK4058GSX approximately 20% more efficient than Toshiba’s current top-of-the-line MK3252GSX.
The five other drives that Toshiba has added to its line-up take full advantage of a 7,200rpm rotation speed to boost performance. Compared to the current 200GB model (MK2049GSY), the 320GB MK3254GSY improves maximum internal data transfers rate by approximately 14% to support high-speed processing of high volume data, meeting demand for notebook and desktop PCs offering faster performance. The 320GB drives is also 37% more efficient than the MK2049GSY in terms of energy consumption efficiency*2. All of the drives, available in a line-up of 80, 120, 160, 250 and 320GB capacities, support an optional Free Fall Sensor function, that detects a falling HDD and parks the head before impact.
All the new drives comply with the European Union’s RoHS directive*3 for eliminating use of six hazardous substances in electrical and electronic equipment, and the MK4058GSX is Toshiba’s first halogen-free*4 2.5-inch HDD.
ป้ายกำกับ:
200rpm Drives,
Toshiba Launches 400GB 2.5-inch HDD 7
Toshiba Announces Intel Centrino 2 Montevina Satellite Laptops
Toshiba Satellite L300 L305 A300 A305 P300 P305 L355 A210 215 A135 Bios Password Unlock Reset
Toshiba Announces Intel Centrino 2 Montevina Satellite Laptops
Toshiba today announced the new Satellite laptops, based on the latest Intel Centrino 2 processor technology, codenamed “Montevina”.
Toshiba says the Centrino 2 platform in the upcoming Satellite notebooks “boasts greater wireless connectivity, battery life, and performance”.
The new technology will be available within the Toshiba Satellite P300, Satellite A300, Satellite M300 and Satellite U400 series.
The new Satellite laptop PCs have a starting price of $749.99, and will be available in early August at ToshibaDirect.com.
โต ชิ บา ประกาศ Intel Centrino 2 แล็ ป ท็ อป Montevina ดาวเทียม
โต ชิ บา วัน ประกาศ มิ นิ แล็ ป ท็ อป ใหม่ ล่าสุด ที่ ใช้ เทคโนโลยี Intel Centrino processor 2, codenamed "Montevina".
โต ชิ บา กล่าว ว่า Centrino 2 แพลตฟอร์ม ใน มิ นิ โน้ตบุ๊ค ที่ จะ มา ถึง "ที่ นี่ มี การ เชื่อม ต่อ ไร้ สาย มาก ขึ้น แบตเตอรี่ และ ประสิทธิภาพ".
เทคโนโลยี ใหม่ จะ สามารถ ใช้ได้ ภายใน โต ชิ บา มิ P300, A300 มิ นิ, มิ นิ M300 และ ชุด U400 มิ.
ใหม่ มิ นิ คอมพิวเตอร์ แล็ ป ท็ อป มี ราคา เริ่ม ต้น ที่ $ 749.99 และ จะ ให้ บริการ ใน เดือน สิงหาคม ที่ ToshibaDirect.com.
Lenovo , Toshiba และ Acer เปิดตัวโน้ตบุ๊กพร้อม WiMax แล้ว
Lenovo , Toshiba และ Acer เปิดตัวโน้ตบุ๊กพร้อม WiMax แล้ว
3 แบรนด์ดังอย่าง Lenovo, Toshiba และ Acer เปิดตัวโน้ตบุ๊กรุ่นแรกที่สนับสนุนการใช้ Wi-Max แล้ว ซึ่งได้ใช้ตัวโมดูล (อุปกรณ์) ของ intel นั่นเอง ในรุ่น WiMax / Wi-Fi Link 5050 มีโค้ดเนมว่า Echo Peak
สำหรับโน้ตบุ๊กรุ่นที่รองรับการใช้งาน Wi-Max ก็ได้แก่ Lenovo ThinkPad W500, W700, SL400 และ X200 รวมถึง Lenovo IdeaPa Y530 อีกด้วย ส่วนยี่ห้อ Toshiba นั้นก็มีรุ่น Satellite U405-ST550W ทาง Acer มีรุ่น Aspire 4930-6826 และ Aspire 6930-6771 ครับ ในเรื่องการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่าน Wi-MAX นั้นในบ้านเราก็มีการทดสอบกันไปหลายครั้งแล้ว แต่ทว่าตอนนี้ก็ยังไม่มีการเปิดให้ใช้กันเลยครับ สำหรับความเร็วในการทดสอบระบบจากทางอเมริกาตามข่าวบอกว่ามีความเร็วในการดาวน์โหลดที่ 2 – 4 เมกะบิตต่อวินาที และอัพโหลดที่ 1- 2 เมกะบิตต่อวินาที ซึ่งในอเมริกานั้นก็ได้เปิดตัวเครือข่าย Wi-max ไปแล้ว ในรัฐบัลติมอร์ ครับ
Lenovo , Toshiba และ Acer เปิดตัวโน้ตบุ๊กพร้อม WiMax แล้ว
@^@.Toshiba เปิดตัวโน้ตบุ๊ก Centrion 2 สำหรับธุรกิจ 2 รุ่น Satellite Pro S300 และ S300M
Toshiba เปิดตัวโน้ตบุ๊ก Centrion 2 สำหรับธุรกิจ 2 รุ่น Satellite Pro S300 และ S300M
Toshiba เปิดตัวโน้ตบุ๊ก 2 รุ่น Satellite Pro S300 หน้าจอ 15.4 นิ้ว และ Satellite Pro S300M จอภาพ 14.1 นิ้ง ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับเทคโนโลยี Centrino 2 ระบบกราฟิกเป็น Intel GMA 4500MHD มีหน่วยความจำความจุ 2 กิกะไบต์ และ 3 กิกะไบต์ให้เลือกในแต่ละรุ่น ฮาร์ดดิสก์ความจุ 250 กิกะไบต์ และมี DVD Writer มาให้ในตัว สำหรับความละเอียดของจอภาพทำได้ที่ 1280×800 พิกเซล ระบบการเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi เป็นรุ่น Wi-Fi Link 5100AGN
ระบบแลนรองรับ Gigabit Ehternet มีโมเด็ม 56K มาให้ด้วย พร้อม Bluetooth และตัวอ่านลายนิ้วมือ สำหรับพอร์ตนั้นมี USB 3 พอร์ตด้วยกัน ซึ่ง 1 ใน 3 พอร์ตที่มีจะแชร์การใช้งานร่วมกับพอร์ต eSATA ครับ ซึ่งมีฟังก์ชันที่เรียกว่า Sleep and Charge เข้าไปด้วย คือเอาไว้ชาร์จอุปกรณ์ผ่านพอร์ตได้อีกด้วย นอจากนี้ยังมีพอร์ต Firewire, Serial, VGA Port และช่องอ่านการ์ดหน่วยความจำ
ระบบปฏิบัติการเป็น Windows Vista ในรุ่น S300 นั้นราคา 829 ดอลลาร์ ส่วนรุ่น S300M ราคา 899 ดอลลาร์ มีประกันมาตรฐานให้ 2 ปี
Toshiba เปิดตัวโน้ตบุ๊ก Centrion 2 สำหรับธุรกิจ 2 รุ่น Satellite Pro S300 และ S300M
Tablet PC ตัวใหม่จอ 12 นิ้วจาก Toshiba
Tablet PC ตัวใหม่จอ 12 นิ้วจาก Toshiba
Toshiba เปิดตัว Tablet PC รุ่นใหม่ Portege M750 ซึ่งใช้จอภาพขนาด 12 นิ้ว และมาพร้อมกับเทคโนโลยี Centrino 2
เครื่องรุ่นนี้เเลือกใช้ซีพียู Intel Core 2 Duo พร้อมระบบกราฟิก Intel GMA 4500MHD และมีออปติคอลไดรฟ์ในตัว จอภาพเป็นระบบสัมผัสรองรับทั้งการใช้ปากกาสไตลลัสและการใช้ปลายนิ้วจิ้มหน้าจอ ส่วนจอภาพนั้นมีขนาด 12 นิ้ว ให้ความละเอียดได้ที่ 1280×800 พิกเซล แบ็คไลท์ของจอภาพเป็นแบบ LED
สำหรับสเปกนั้นมีอยู่ 2 รุ่นด้วยกัน เริ่มจาก M750-S7201 ซีพียู Intel Core 2 Duo P8400 ความเร็ว 2.26 กิกะเฮิรตซ์ และรุ่น M750-S7202 ใช้ซีพียู Intel Core 2 Duo P8600 ความเร็ว 2.4 กิกะเฮิรตซ์ ทั้งสองรุ่นมีหน่วยความจำ DDR2 ขนาด 2 กิกะไบต์ ฮาร์ดดิสก์ความจุ 160 กิกะไต์ มี DVD ในตัว กล้อเงเว็บแคม ตัวอ่านลายนิ้วมือ และระบบรักษาความปลอดภัย TPM 1.2
ระบบการเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi Link 5100AGN (802.11a/g/n), Bluetooth, ระบบแลนแบบ Gigabit, โมเด็ม 56K มี USB ให้ 2 พอร์ต พร้อมกับพอร์ต USB/eSATA ที่สนับสนุนฟังก์ชัน Sleep and Charge ซึ่งเป็นจุดเด่นของโน้ตบุ๊กโตชิบาเลยครับ นอกจากนี้ยังมี PC Card Slot, 7-in-1 media card reader, Firewire และพอร์ต่อจอภาพ VGA OUT
ระบบปฏิบัติการที่ให้มาเป็น Windows Vista Business พร้อมเทคโนโลยี Intel vPro ที่เสริมเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล สำหรับราคา M750-S7201 อยู่ที่ 1,699 ดอลลาร์ ส่วนรุ่น M750-S7202 อยู่ที่ 1,799 ดออลาร์ครับ
Tablet PC ตัวใหม่จอ 12 นิ้วจาก Toshiba
Toshiba Portege A600 เปิดอีกรุ่นแล้ว เต็มๆ กับแรม 3 กิกะไบต์
Portege A600
Toshiba Portege A600 เปิดอีกรุ่นแล้ว เต็มๆ กับแรม 3 กิกะไบต์
ช่วงนี้โตชิบาทยอยเปิดตัวโน้ตบุ๊กกันหลายรุ่นมากๆ ครับ อย่างตัวนี้กเป็น Portege A600 ซึ่งออกแบบมาเพื่อการพกพา จอภาพขนาด 12.1 นิ้ว และแน่นอนเป็น Centrino 2 เรียบร้อยแล้ว และมีความหนาเพียง 1.18 น้วเท่านั้น
ก่อนที่จะไปดูสเปก บอกราคาก่อนเลย อยู่ที่ 1,399 ดอลลาร์ ซีพียูใช้ Intel Core 2 Duo SU9300 ความเร็ว 1.2 กิกะเฮิรตซ์ ระบบกราฟิก Intel GMA 4500MHD จุดเด่นคงเป็นหน่วยความจำแบบ DDR2 ความจุ 3 กิกะไบต์ มีฮาร์ดดิสก์ความจุ 160 กิกะไบต์ และมี DVD มาให้ในตัว จอภาพให้ความละเอียดได้ที่ 1280×800 พิกเซล และใช้แบ็คไลท์แบบ LED ครับ
ส่วนอื่นๆ ก็ไม่ต่างจากรุ่นอื่นๆ ในตระกูล Portege ที่เปิดตัวกันเท่าไหร่ มีกล้องเว็บแคม ตัวอ่านลายนิ้วมือ ระบบ Wi-Fi มาตรฐาน 802.11 a/g/n , Bluetooth, Gigabit LAN , พอร์ต USB 2 พอร์ต และ USB/eSATA พร้อมฟังก์ชัน Sleep and Charge , Express Card slot, SD Card reader และ VGA Output ระบบปฏิบัติการที่ให้มาเป็น Windows Vista Business
Toshiba Portege A600 เปิดอีกรุ่นแล้ว เต็มๆ กับแรม 3 กิกะไบต์
ช่วงนี้โตชิบาทยอยเปิดตัวโน้ตบุ๊กกันหลายรุ่นมากๆ ครับ อย่างตัวนี้กเป็น Portege A600 ซึ่งออกแบบมาเพื่อการพกพา จอภาพขนาด 12.1 นิ้ว และแน่นอนเป็น Centrino 2 เรียบร้อยแล้ว และมีความหนาเพียง 1.18 น้วเท่านั้น
ก่อนที่จะไปดูสเปก บอกราคาก่อนเลย อยู่ที่ 1,399 ดอลลาร์ ซีพียูใช้ Intel Core 2 Duo SU9300 ความเร็ว 1.2 กิกะเฮิรตซ์ ระบบกราฟิก Intel GMA 4500MHD จุดเด่นคงเป็นหน่วยความจำแบบ DDR2 ความจุ 3 กิกะไบต์ มีฮาร์ดดิสก์ความจุ 160 กิกะไบต์ และมี DVD มาให้ในตัว จอภาพให้ความละเอียดได้ที่ 1280×800 พิกเซล และใช้แบ็คไลท์แบบ LED ครับ
ส่วนอื่นๆ ก็ไม่ต่างจากรุ่นอื่นๆ ในตระกูล Portege ที่เปิดตัวกันเท่าไหร่ มีกล้องเว็บแคม ตัวอ่านลายนิ้วมือ ระบบ Wi-Fi มาตรฐาน 802.11 a/g/n , Bluetooth, Gigabit LAN , พอร์ต USB 2 พอร์ต และ USB/eSATA พร้อมฟังก์ชัน Sleep and Charge , Express Card slot, SD Card reader และ VGA Output ระบบปฏิบัติการที่ให้มาเป็น Windows Vista Business
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)